กทบ.ผนึกพันธมิตรอินเดีย ขยายตลาดลำไยไทยในอินเดีย

อังคาร ๒๗ พฤศจิกายน ๒๐๑๒ ๑๖:๓๔
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) จัดแถลงข่าวใหญ่ “ปีทองลำไยไทย ก้าวไกลทั่วโลก” เดินหน้าต่อ ลุยตลาดอินเดีย ผนึกกำลังพันธมิตรจากประเทศอินเดียประสานความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ในการจัดหาตลาดผลผลิตลำไยส่งออกไปอินเดีย โดยได้รับเกียรติจาก นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายอนิล วัธวา เอกอัครราชฑูตอินเดียประจำประเทศไทย และคุณอภิชาติ สุดแสวง ผู้บริหารจากกลุ่มบริษัท โมเดิร์น ตัวแทนผู้ส่งออกไทยและ มร.จอร์น มุกเฮอร์จี กลุ่มบริษัทปูราฟ ตัวแทนผู้นำเข้าจากอินเดีย ตั้งเป้าขยายการส่งออกสู่ประเทศอินเดียไม่น้อยกว่า 10,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาดกระจายผลผลิตลำไยไทย และป้องกันปัญหาราคาลำไยตกต่ำในระยะยาว

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการ ชื่นชมว่าเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของผลไม้ ที่มีให้เลือกรับประทานได้ตลอดทั้งปี และยังมีให้เลือกหลากหลายชนิด โดยเฉพาะลำไยซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจของไทยที่มีความต้องการทั้งตลาดภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดในปี 54 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 15,000 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่สามารถหารับ ประทานได้หลายรูปแบบทั้งลำไยสด ลำไยแช่แข็ง ลำไยกระป๋อง และลำไยอบแห้ง โดยมีแหล่งปลูกลำไยที่สำคัญ ของประเทศ และได้รับการรับรองว่าเป็นลำไยคุณภาพ คือ พื้นที่ภาคเหนือ แถบจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา น่าน ส่วนที่ลำปาง แม่ฮ่องสอน แพร่ จะมีพื้นที่ปลูกบ้างประปราย แต่ลำไยในภาคเหนือจะออกสู่ตลาดช้ากว่าที่อื่นเล็กน้อยคือในช่วง เดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน

“แม้ว่าลำไยจะเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยม หากแต่ปัญหาราคาผลผลิตลำไยตกต่ำก็ยังเป็นปัญหาที่พบอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของความร่วมมือของรัฐบาลและ กทบ.ในการจัดทำโครงการ “ปีทองลำไยไทย ก้าวไกลทั่วโลก” ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการส่งเสริมผลผลิตลำไยกระจายไปทั่วประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อช่วยให้การกระจายผลผลิตลำไยที่มีคุณภาพสู่คนไทยอย่างทั่วถึง อีกทั้งช่วยให้เกษตรกรได้กระจายสินค้า เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตลำไยให้ได้มาตรฐาน รวมถึงเป็นการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำในระยะยาว ซึ่งจากการเปิดตัวโครงการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่าผลผลิตลำไยไทยได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอินเดียที่ประชากรนิยมบริโภคลำไยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” นายวรวัจน์ กล่าว

ที่ผ่านมา ประเทศจีนถือเป็นตลาดอันดับ 1 ของไทยในการส่งออกลำไยไทย ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 13,500 ล้านบาท ในขณะที่ประเทศอินเดีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพต่อตลาดส่งออกเนื่องจากมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก จึงส่งผลให้ความต้องการในการบริโภคลำไยมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลำไยสด และลำไยอบแห้ง โดยพบว่า ปัจจุบันการบริโภคลำไยในประเทศอินเดียได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีราคาขายในท้องตลาดสูงถึง 400 บาทต่อกิโลกรัม

สำหรับเป้าหมายการส่งออกในช่วงแรก ซึ่งคาดว่าจะส่งออกลำไยไทยสู่อินเดียได้ในปี 56 โดยประมาณการณ์การส่งออกในปีแรกประมาณ 10,000 ตัน โดยเชื่อว่าภายหลังจากการรุกขยายตลาดส่งออกสู่ประเทศอินเดียในครั้งนี้ จะกระตุ้นยอดการส่งออกลำไยให้มีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ รัฐบาลไทย กทบ. และรัฐบาลอินเดีย ได้วางแผนระยะยาวเพื่อการส่งเสริมการบริโภคลำไยไทย และผลไม้ไทยในอินเดียอีกด้วย โดย นายอนิล วัธวา เอกอัครราชฑูตอินเดียประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือในการส่งเสริมการบริโภคลำไยในอินเดียว่า “รัฐบาลอินเดียมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการบริโภคลำไยไทยและผลไม้ไทยในอินเดีย โดยได้เตรียมการจัดนิทรรศการโรดโชว์ โดยนำลำไยและผลไม้ต่างๆ ไปเผยแพร่ยังประเทศอินเดีย โดยเฉพาะลำไย ซึ่งมีความต้องการในการบริโภคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและแพร่หลาย เพื่อให้ความรู้ เพิ่มเติมถึงประวัติความเป็น มาของลำไยไทย คุณประโยชน์ต่างๆ รวมถึงเมนูที่หลากหลาย ในการรับประทานลำไยไทยให้กับสื่อมวลชนและประชาชนชาวอินเดีย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภค อย่างแพร่หลายมากขึ้น”

นอกเหนือจากแผนการขยายตลาดการส่งออกลำไยไทยแล้ว นายวรวัจน์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวรัฐบาลได้เน้นย้ำถึงคุณภาพในการส่งออก ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยต้องการปรับปรุงคุณภาพไม่ให้มีสารเคมีตกค้าง เพื่อที่จะทำให้เป็นศูนย์กลางในการกระจายผลิตภัณฑ์ ลำไยคุณภาพไปสู่ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยล่าสุดได้พัฒนานวัตกรรมการสำรวจคุณภาพของสวนลำไยด้วยดาวเทียม ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความมั่นใจในผลผลิตทางการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย