งานพบปะนักลงทุน (Roadshow) ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

อังคาร ๒๗ พฤศจิกายน ๒๐๑๒ ๑๗:๓๒
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัชชาติ สุทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย และนายสมจินต์ ศรไพศาล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ได้ร่วมจัดงานพบปะนักลงทุน (Roadshow) ในหัวข้อ “Thailand: Positioning for Growth and Stability” เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2555 ณ โรงแรม Grosvenor House กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจด้านเศรษฐกิจแก่นักลงทุนต่างชาติกว่า 80 ราย อันมีสาระสำคัญของงานพบปะนักลงทุนโดยสรุป ดังนี้

นายกิตติรัตน์ กล่าวเปิดงานพบปะนักลงทุนว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Economic Transformation) โดยในอดีต การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเน้นภาคการส่งออกสินค้าและบริการที่ใช้แรงงานสูงและมีต้นทุนการผลิตต่ำเป็นหลัก ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่เงินตราต่างประเทศไหลเข้าเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมิได้นำเงินตราดังกล่าวไปลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ และต้องมีการดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งเป็นต้นทุนในการบริหารจัดการของประเทศ นายกิตติรัตน์ฯ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงต่อไป รัฐบาลจะเน้นนโยบายในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเน้นสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในประเทศอย่างยั่งยืนผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาความยั่งยืนทางการคลัง

นายชัชชาติ กล่าวถึงโอกาสของไทยภายใต้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนว่า การพัฒนาระบบ โลจิสติกส์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไทยและอาเซียนได้รับประโยชน์จากการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การพึ่งพาการขนส่งทางถนนที่สูงกว่าร้อยละ 86 ของการขนส่งทั้งหมด ซึ่งทำให้ต้นทุนทางโลจิสติกส์สูงถึงร้อยละ 15.2 ของจีดีพี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งรถไฟรางคู่ (Double Track) รถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) การขนส่งมวลชน (Mass Transit)

การเชื่อมโยงระบบการขนส่งไปสู่ประเทศอาเซียน (ASEAN Connectivity) การขยายท่าอากาศยาน และการขยายท่าเรือน้ำลึกของไทยและโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายจึงมีความจำเป็นเพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ลดการนำเข้าพลังงานเพื่อการขนส่ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวมอย่างยั่งยืน

นายอาคม กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในภาพรวมฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2555 จะขยายตัวที่ร้อยละ 5.5-6.0

จากปีก่อน และจะสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ประมาณร้อยละ 5.0-6.0 ต่อปี จากการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศในยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน ได้แก่

1) Growth and Competitiveness ซึ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของประเทศ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์ 2) Inclusive Growth ซึ่งให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการกระจายรายได้ให้มีความเหมาะสม และ

3) Green Growth ซึ่งเน้นการปรับกระบวนการประกอบธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชาชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในอนาคตเกิดความสมดุล มีภูมิคุ้มกัน

และสามารถแข่งขันได้ในสภาวะแวดล้อมของเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

นายอารีพงศ์ฯ กล่าวถึง เสถียรภาพความยั่งยืนเชิงเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันนับว่ามีเสถียรภาพมากกว่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 อย่างมาก ทั้งจากความสมดุลระหว่างตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรและธนาคารพาณิชย์ โดยลดการพึ่งพาการระดมทุนผ่านช่องทางธนาคารพาณิชย์เพียงอย่างเดียวดังเช่นในอดีต และความเพียงพอของเงินทุนสํารองระหว่างประเทศต่อหนี้ต่างประเทศระยะสั้น นอกจากนี้ เสถียรภาพทางการคลังในปัจจุบันอยู่ในระดับดี ดังเห็นได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในปัจจุบันที่อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง ในระยะต่อไป

นโยบายการคลังเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศ ทั้งในด้านการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อสนับสนุน การขยายตัวทางเศรษฐกิจภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน การปรับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 23 ในปี 2555 และร้อยละ 20 ในปี 2556 และการจัดหาแหล่งทุนให้เพียงพอสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีแผนที่จะเข้าสู่งบประมาณสมดุลในอีก 4-5 ปีข้างหน้า และจะรักษาระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืน โดยเน้นย้ำว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 50 แม้ว่ามีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศก็ตาม

นางสาวจุฬารัตน์ฯ ได้เชิญชวนให้นักลงทุน เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของไทยโดยกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ได้มีพัฒนาการที่สำคัญหลายประการ ทั้งในด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ ผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบใหม่ อาทิ พันธบัตรรัฐบาลที่ผลตอบแทนอ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Linked Bonds: ILB) และการจําหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ให้นักลงทุนรายย่อยผ่านตู้ ATM (Electronic Retail Bond) เป็นต้น และในด้านการเสริมสร้าางสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ไทย ผ่านการขยายช่วงอายุของพันธบัตรรัฐบาลอ้างอิง (Benchmark Bond) ออกไปถึง 50 ปี พัฒนาการของตลาดตราสารหนี้ไทยดังกล่าวได้ส่งผลให้ตราสารหนี้ไทยเป็นที่สนใจมากจากนักลงทุนต่างประเทศ และในปี 2556 รัฐบาลมีแผนที่จะระดมทุนในประเทศในรูปแบบใหม่ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (Amortized Bonds) อายุ 25 ปี ในเดือนธันวาคม 2555 และ ILB อายุ 15 ปี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศในตลาดต่างประเทศและ Zero Coupon Bonds ด้วย

นายไพบูลย์ฯ ได้เชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นของไทย โดยกล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้ปรับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยสำคัญจากความมั่งคั่งและกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนภาคเอกชนที่เร่งตัว

ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ฯ เห็นว่า แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่ยังสามารถปรับขึ้นได้อีกจาก P/E Ratio ของไทยที่ 12 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 13-14 เท่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555 คณะผู้แทนไทย ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้เข้าพบกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท Moody’s Investor Services และ บริษัท Fitch Ratings เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต รวมถึงผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลต่อความยั่งยืนทางการคลัง

โดยนายกิตติรัตน์ฯ ได้ให้ความมั่นใจกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจัดอันดับฯ ว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะไม่ส่งผลเสียต่อความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว โดยรัฐบาลมีนโยบายที่จะทำงบประมาณสมดุลในปี 2560 และเมื่อรวมวงเงินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทแล้ว ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะไม่เกินร้อยละ 50 ซึ่งอยู่ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 60 การพบปะนักลงทุนในครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก สะท้อนจากความสนใจจำนวนมากของผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนขนาดใหญ่จำนวนมากเข้าร่วมงานและจากคำถามต่างๆ ด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่นักลงทุนได้สอบถามซึ่งประเทศไทยได้ชี้แจงให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนและชัดเจนขึ้นเป็นอย่างมาก

สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 02 273 9020 ต่อ 3273

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version