นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า "จากการศึกษาของบริษัทจัดการ พบว่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางอายุ 1 - 3 ปีสามารถให้ผลตอบแทนสะสมนับแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันสูงถึง 28.3% หรือเฉลี่ยประมาณ 4.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ 18.40% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (Money Market) และกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุ 1 ปี (Term Fund) ให้ผลตอบแทนสะสม 16.80% และ 18.10% ตามลำดับซึ่งต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ข้อดีอีกประการหนึ่งของกอง CIMB-PRINCIPAL iFIXED คือ มีการกระจายการลงทุน (Diversification) ที่มากกว่ากองทุนตราสารหนี้แบบมีกำหนดอายุซึ่งมักจะลงทุนในตราสารหนี้แต่ละบริษัทประมาณ 20 — 25% และด้วยโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า กับการกระจายความเสี่ยงที่ดีกว่านี้เองทำให้กองทุนเปิด ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล คอร์ ฟิกซ์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iFIXED) เหมาะจะใช้เป็นสินทรัพย์หลักในการจัดพอร์ตลงทุน (Core Investment Portfolio)”
กองทุนเปิด CIMB-Principal Core Fixed Income Fund (CIMB-PRINCIPAL iFIXED) เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารหนี้อายุเฉลี่ยประมาณ 2 ปี โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวัน และกรณีไถ่ถอนจะได้รับเงินลงทุนคืนใน 2 วันทำการ อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ทางสถิติของบริษัทจัดการในช่วง 10 ปีย้อนหลัง พบว่าระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนคือประมาณ 1 ปีขึ้นไปซึ่งโอกาสขาดทุนในระยะเวลาการถือครองดังกล่าวจัดอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยกองทุนCIMB-PRINCIPAL iFIXED มีนโยบายการลงทุนแบบ Active เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน เช่น การลงทุนในพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อของกระทรวงการคลังซึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่ดีในช่วงเงินเฟ้อขาขึ้น หรือการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่ม
“ในตลาดกองทุนรวมต่างประเทศ นักลงทุนจะลงทุนในกองทุนประเภท Bond Fund แบบนี้สูงถึงประมาณ 1 ใน 3 ของส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดโดยนักลงทุนมักจะใช้สินทรัพย์ชนิดนี้เป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ต ขณะที่ในประเทศไทยการลงทุนใน Bond Fund ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักและมีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 5% ซึ่งผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนไทยควรจะได้มีโอกาสลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางแบบที่มีการกระจายการลงทุนที่ดี บวกกับการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อ และกองทุนตราสารหนี้แบบมีกำหนดอายุ อย่างไรก็ตามการลงทุนในกอง CIMB-PRINCIPAL iFIXED นี้เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้พอสมควร และมีเงินลงทุนที่สามารถลงทุนได้ประมาณ 1 ปีขึ้นไป” นายเจษฎา กล่าวเสริม
นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในปี 2556 โดยกล่าวว่า “เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะยังคงเติบโตไม่มากนัก โดยเฉพาะผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความเสี่ยงจากประเด็น Fiscal Cliff ซึ่งทั้งหมดอาจกดดันต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้าพอสมควร แต่บ้านเรายังคงโตได้จากแรงหนุนภายในประเทศ ในส่วนของเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มไม่สูงมากนักเพราะการอ่อนค่าของราคาพลังงาน ขณะที่แบงค์ชาติได้ปรับลดดอกเบี้ยมาแล้ว 1 ครั้งในปีนี้มาที่ระดับ 2.75% และน่าจะมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับลดลงได้อีกเล็กน้อยในปีหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารกลางในภูมิภาค ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางในช่วงนี้น่าจะจัดอยู่ในช่วงที่ ถูกที่ ถูกเวลา”
“กองทุน CIMB-PRINCIPAL iFIXED เป็นกองหลักกองหนึ่งของกลุ่มกองทุน Flagship ของ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ซึ่งเรียกว่ากองทุนในกลุ่ม iFUNDS ซึ่งเราจะมีทางเลือกให้ผู้ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนแบบ Multi Share Class 3 ชนิด คือ 1. Class A -Accumulation (สะสมมูลค่า) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสะสมมูลค่าและนำผลตอบแทนไปลงทุนต่อ 2. Class R -Auto Redemption (รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ) เหมาะกับนักลงทุนรับรายได้แบบสม่ำเสมอ และ 3. Class D -Dividend เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกจุดขายหนึ่งของบริษัทที่นำเสนอทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนแต่ละ Lifestyle” นายเจิดพันธุ์กล่าว
CIMB-PRINCIPAL iFIXED กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และผู้ลงทุนสามารถซื้อ — ขายได้ทุกวันและเวลาทำการ
กองทุนเปิด CIMB-PRINCIPAL iFIXED เปิดเสนอขายครั้งแรก วันที่ 26 พ.ย. — 4 ธ.ค. 55 ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อและขอหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา ทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด 0 2686 9595
www.cimb-principal.com หรือ CIMB Thai Care Center 0 2626 7777 กด 0 www.cimbthai.com
**การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน**