และเพื่อเป็นการขยายการบริการให้ครอบคลุมมากขึ้นและรองรับตลาดท่องเที่ยวทางภาคใต้ “บัดเจ็ท” จึงได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมที่ จังหวัด “ตรัง”โดยอยู่ภายในสนามบิน และมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีกประมาณ 1-2 สาขา ซึ่งทำให้ “บัดเจ็ท” จะยังคงเป็นรถเช่าที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย คือ 24 สาขา กระจายครอบคลุมทั่วประเทศสามารถให้บริการได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งลูกค้ายังสามารถคืนรถต่างสาขาได้ด้วย โดยมีสาขาที่กรุงเทพฯ 3 แห่งคือ สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมืองและอาร์ซีเอ,ภูเก็ต 3 สาขา,เชียงใหม่, เชียงราย, พิษณุโลก, อุดรธานี, อุบลราชธานี, พัทยา, หัวหิน,หาดใหญ่ เป็นต้น
ทั้งนี้ตลาดรวมรถเช่าในไทยมีประมาณ 18,000-20,000ล้านบาทมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10เปอร์เซ็นต์มีผู้ประกอบการมากกว่า 100 ราย มีปริมาณรถเช่ารวมประมาณกว่า150,000 คันโดยในจำนวนนี้มีผู้ประกอบการที่เป็นอินเตอร์แบรนด์ประมาณ 5 รายมีการให้บริการรถเช่าแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือการให้เช่ารถ
เพื่อดำเนินงานในระยะยาว (Operating Lease)โดยมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กร บริษัทรัฐวิสาหกิจหน่วยงานราชการ และการให้เช่ารถชั่วคราวในระยะสั้น (Short Term)โดยลูกค้าเป็นกลุ่มบุคคลทั่วไปนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งตลาดนี้ “บัดเจ็ท” ครองตลาดอันดับหนึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ของรถเช่าอินเตอร์แบรนด์มีรถให้บริการที่หลากหลายตั้งแต่รถเก๋งขนาดเล็ก รถกระบะ จนถึงรถลักซ์เซอรี่คาร์เช่น โตโยต้า อัลพาร์ด, ฮอนด้าสเตปวากอน,เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีให้บริการทั้งแบบขับเองและบริการรถพร้อมคนขับนอกจากนี้ยังมีบริการใหม่ล่าสุดกับ“รถตู้วีลแชร์” สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุที่เดินทางไม่สะดวกและรถตู้สำหรับขนส่งหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของ“บัดเจ็ท มูฟเวอร์”อีกด้วย
สำหรับแผนการตลาดของบริษัทฯในปีหน้าคาดว่าจะมีการซื้อรถใหม่อีกประมาณ 1,500 คันเพื่อนำมาทดแทนรถที่มีอายุครบการใช้งานและเพิ่มจำนวนรถใหม่ให้ครอบคลุมการบริการ ซึ่งจะทำให้“บัดเจ็ท” มีรถใหม่ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 18 เดือน มาให้บริการมากกว่า 4,000คันภายในสิ้นปีหน้า และตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาทโดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ปิดไม่ต่ำกว่า870ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11เปอร์เซ็นต์และมีกำไรเพิ่มขึ้น16 เปอร์เซ็นต์โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากรถเช่าระยะสั้น 45 เปอร์เซ็นต์ และจากรถเช่าระยะยาว55 เปอร์เซ็นต์ส่วนประเภทรถบริการของบริษัทฯนั้นมีรถตู้5เปอร์เซ็นต์รถกระบะ25เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นรถซีดานและอื่นๆโดยปีนี้บริษัทได้หันมานำรถที่ใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาให้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยคิดเฉลี่ยเป็น 20เปอร์เซ็นต์ของจำนวนรถทั้งหมด เพื่อร่วมห่วงใยและใส่ใจโลกตามโครงการรถเช่าสีเขียว “บัดเจ็ท โก กรีน เรนท์ คลีน”ที่บริษัท ฯ ได้จัดทำขึ้นและดำเนินการอยู่ในขณะนี้
นายวันชัยกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า นอกจาก “บัดเจ็ท” จะมีธุรกิจรถเช่าที่เป็นธุรกิจหลักแล้ว ยังมีการต่อยอดขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันด้วยโดยได้เปิดศูนย์จำหน่ายรถมือสองสภาพดี “คาร์ ดี ชัวร์ โอเค” และคาร์แคร์ “แวกซ์ เวิลด์” ศูนย์ตั้งอยู่ติดกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้นอีกด้วย.
อนึ่ง รถเช่าแบรนด์ “บัดเจ็ท” เป็นแบรนด์รถเช่า 1 ใน 3 ของรถเช่าระดับโลก ทั่วโลกมีรถยนต์ให้บริการกว่า 200,000 คันมีสาขามากกว่า 3,000 สาขา และมีให้บริการกว่า 120 ประเทศโดย “บัดเจ็ท ประเทศไทย”มีสาขาให้บริการมากที่สุด 24 สาขา กระจายตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ดำเนินธุรกิจมา 17 ปี โดย บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะคาร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 380 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นหลัก3 รายประกอบด้วย บัดเจ็ทอินเตอร์, ไอซีซี และยนตรกิจ.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่:วีระศักดิ์ ศิริภานุกูล(โหน่ง)Senior Public Relationsโทร. 02-203-9207