นักธุรกิจไทยมีทัศนคติด้านบวกสูงขึ้น แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้

ศุกร์ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๐๑๒ ๑๒:๐๑
รายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติ ฉบับประเทศไทย หรือ “International Business Report (IBR): Thailand Focus” ที่แกรนท์ ธอร์นตันเผยแพร่ในวันนี้ นำเสนอผลสำรวจที่เปรียบเทียบประเทศไทยกับอีก 43 ประเทศด้วยปัจจัยชี้วัดหลายด้าน ได้แก่ ทัศนคติด้านบวก/ด้านลบเชิงธุรกิจ ความคาดหวังต่อรายรับ ภาพรวมการส่งออก การจ้างงาน ข้อจำกัดทางธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การควบรวมกิจการ สตรีในตำแหน่งผู้บริหาร สัมพันธภาพทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

ภาพรวมทั่วโลก

ผลการสำรวจรายงานว่าธุรกิจทั่วโลกมีทัศนคติด้านบวกลดลงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2012 โดยระดับทัศนคติด้านบวกต่อเศรษฐกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 8% ส่วนธุรกิจในประเทศไทยมองว่าบรรยากาศทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้านั้นอยู่ในเชิงบวกที่ 22% ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสที่ 2 ทางด้านภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกนั้นยังคงทรงตัวอยู่ได้อย่างเปราะบางท่ามกลางความไม่แน่นอนจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป, สถานการณ์การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่จะลดลงอย่างมากในช่วงระยะเวลาอีก 10 ปีต่อจากนี้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย-แปซิฟิกลดลงในไตรมาสที่ 3 แม้ว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) จะดำเนินไปด้วยดีก็ตาม

วิสัยทัศน์ต่อเศรษฐกิจไทย

การขยายตัวของ GDP ในประเทศไทยในปี 2012 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.5% โดยตัวเลขดังกล่าวได้รับการพิจารณาปรับลดลงหลายครั้งในปีนี้ โดยวิกฤตการณ์ทางการเงินในยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเศรษฐกิจที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาเพื่อการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ ยุโรป สหรัฐฯ และแม้แต่ประเทศคู่ค้าในเอเชียเองก็ตาม โดยตัวเลขการส่งออกอยู่ที่ 19.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งลดลง 6.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ภาคการผลิตนั้นลดลง 11.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนตัวเลขการนำเข้านั้นได้รับแรงผลักดันจากการนำเข้าเครื่องจักรใหม่เพื่อทดแทนเครื่องจักรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทำให้ประเทศไทยขาดดุลราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม

เอียน แพสโค กรรมการบริหาร แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “นโยบายของประเทศไทยอันประกอบด้วยการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายรถคันแรก โครงการจำนำข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนาที่เป็นที่ถกเถียงกันในเวลานี้ ตลอดจนโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคทั้งถนน รางรถไฟ และมาตรการการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งรัฐบาลได้ลงงบประมาณไปอย่างมาก ได้ผ่อนผันแรงกระทบโดยตรงจากการส่งออกที่ลดลงได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ส่งผลให้เกิดแรงกดดันทางเงินเฟ้อ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.4% ในเดือนกันยายน จาก 2.7% ในเดือนสิงหาคม”

ผลลัพธ์โดยรวมของการฟื้นตัวจากเหตุการณ์อุทกภัยประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลส่งผลให้ประเทศไทยมีทัศนคติด้านบวกเชิงธุรกิจสูงขึ้น 14% จาก 8% ในไตรมาสที่ 2 เป็น 22% ในไตรมาสที่ 3 เปรียบเทียบกับภูมิภาคอาเซียนที่มีทัศนคติด้านบวกสูงขึ้น 5% และทั่วโลกที่ลดลง 15% อย่างไรก็ตาม ทัศนคติด้านบวกเชิงธุรกิจในประเทศไทยช่วงก่อนเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 42% ดังนั้นแม้ว่าทัศนคติด้านบวกจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น้อยกว่าในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า

ความคาดหวังต่อรายรับ

จำนวนนักธุรกิจที่คาดหวังจะมีอัตรารายรับเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงเล็กน้อยจาก 48% ในไตรมาสที่ 2 เป็น 46% ในไตรมาสที่ 3 ส่วนค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นเป็น 53% ในไตรมาสที่ 3 และค่าเฉลี่ยทั่วโลกลดลงจาก 52% ในไตรมาสที่ 2 เหลือ 47% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจนี้กับทัศนคติด้านบวกเชิงธุรกิจ จะได้ข้อสังเกตว่าผู้บริหารธุรกิจทั่วโลกมีความมั่นใจในธุรกิจของตนมากกว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจ

ข้อจำกัดทางธุรกิจ

“คำสั่งซื้อสินค้าที่น้อยลง/อุปสงค์ที่ลดลง” เป็นข้อจำกัดที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อการขยายธุรกิจสำหรับเจ้าของธุรกิจในประเทศไทย (48%) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญ (31%) ตามด้วย “กฎระเบียบ/ความล่าช้าของการดำเนินการ” (44%) อย่างไรก็ตาม “การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ” เป็นข้อจำกัดสำคัญสำหรับธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน (41%) และยังเป็นข้อจำกัดที่สำคัญเป็นอันดับที่ 3 สำหรับประเทศไทย (38%)

การควบรวมกิจการ

ธุรกิจในประเทศไทยมองว่าจะขยายกิจการด้วยตนเอง โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า มีเพียง 10% ของธุรกิจไทยที่วางแผนควบรวมกิจการ เปรียบเทียบกับ 23% ของธุรกิจในอาเซียนและ 29% ของทั่วโลก นอกจากนี้ มีเพียง 3% ที่คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในความเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งต่ำกว่าธุรกิจในอาเซียนอย่างมาก (9%) ดังนั้น ธุรกิจไทยจึงควรรับรู้เกี่ยวกับกระแสความต้องการควบรวมกิจการในอาเซียนเนื่องจากตนอาจจะเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน

ธุรกิจไทยส่วนใหญ่วางแผนที่จะใช้กำไรสะสมเพื่อขยายกิจการ โดย 22% คาดว่าจะใช้การสนับสนุนทางการเงินจากธนาคาร

สัมพันธภาพทางการค้าระหว่างประเทศ

ธุรกิจต่างๆ ทั้งในประเทศไทย (49%) และในภูมิภาคอาเซียน (55%) ต้องการเห็นรัฐบาลของตนพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศจีน และ 18% ต้องการเห็นสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอินเดีย รวมทั้ง 48% ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้นกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ มีธุรกิจไทยไม่มากนักที่ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าเพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯ (4%) หรือยุโรป (3%) ด้วยความเป็นจริงที่ว่าเอเชียมีการเติบโตสูงกว่า อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และยุโรปยังคงเป็นคู่ค้าที่สำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย

ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

42% ของธุรกิจในประเทศไทยสนับสนุนแผนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 ซึ่งอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียน (58%) โดยผลประโยชน์สำคัญจาก AEC ต่อธุรกิจไทยคือการลดอัตราภาษี (57%) โดยรวมแล้ว ธุรกิจในประเทศไทยนั้นมีทัศนคติด้านบวกเกี่ยวกับผลประโยชน์จาก AEC น้อยกว่าบริษัทในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งดูเหมือนว่าจะส่งผลให้ยังไม่มีการเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสในระดับภูมิภาคที่กำลังจะมาถึง ทั้งที่ AEC ยังอาจส่งเสริมให้เกิดธุรกิจที่เป็นคู่แข่งรายใหม่ต่อประเทศไทย

ปัจจัยที่ยังคาดการณ์ไม่ได้

ปัจจัยที่ยังคาดการณ์ไม่ได้ในระดับโลก — ระดับความรุนแรงของการชะลอตัวในกลุ่มธุรกิจในประเทศที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งแรกที่ชัดเจนเมื่อพิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ต้องอาศัยภาคการผลิต ยกตัวอย่างเช่น การส่งออกของประเทศไทยไปยังทวีปยุโรปและประเทศจีนอยู่ที่ 10% และ 12% ตามลำดับ

ประการที่สองคือปัจจัยในระดับภูมิภาค ภูมิภาคอาเซียนเป็นเพียงไม่กี่แห่งในทั่วโลกที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจ หากทว่าตามที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่าข้อมูลจากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าธุรกิจไทยยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนกับ AEC และยังไม่มีการเตรียมพร้อมเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน

ประการที่สามคือปัจจัยภายในประเทศ กล่าวคือนโยบายประชานิยมของรัฐบาลนั้นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักและอาจเกิดผลกระทบที่รุนแรง นโยบายจำนำข้าวนอกจากจะใช้งบประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีแล้ว ยังดำเนินอยู่บนโมเดลทางธุรกิจที่บกพร่องซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียสถานะการเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างรวดเร็ว ความเสียหายในระยะยาวนั้นยากที่จะพยากรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น หนี้ครัวเรือนของประเทศไทย ณ เวลานี้อยู่ระหว่าง 45-50% และกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ว่า “ปลอดภัย” ที่ 28% จึงดูเหมือนว่านโยบายที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ต่ำที่สุดนั้นจะมีผลลัพธ์ในทางตรงข้าม

มองไปในภายภาคหน้า

โดยรวมแล้ว ภาพรวมของประเทศไทยยังคงอยู่ในเชิงบวก คาดการณ์การเติบโตสำหรับปี 2013 อยู่ที่ประมาณ 4.6% ซึ่งถือว่าดีทีเดียว ในขณะที่กลุ่มเศรษฐกิจส่วนใหญ่นั้นทำได้ดีที่สุดคือเพียงรักษาระดับการชะลอตัว

มร. แพสโค สรุปว่า “ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจของประเทศไทยท่ามกลางภูมิภาคอาเซียนที่กำลังขยายตัว รวมกับสาธารณูปโภคที่ได้รับการยกระดับแล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าจะยังคงเป็นเป้าหมายการลงทุนที่น่าสนใจ การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) นั้นคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 20% ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2013 ด้านเงินเฟ้อยังคงจะอยู่ในระดับที่สูง ประมาณ 3.5% ซึ่งแม้ว่าจะสูงกว่าระดับที่น่าพอใจ แต่ก็ยังบริหารได้สำหรับตลาดเกิดใหม่ เรามองว่าจากปี 2014 จนถึงปี 2017 คาดว่าจะมีการขยายตัวของ GDP โดยเฉลี่ยที่ประมาณ 4.8% ดังนั้นประเทศไทยยังคงจะเป็นจุดที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจเปรียบเทียบกับทั่วโลกที่ประสบกับการชะลอตัว”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ลักษณ์พิไล วรทรัพย์

ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร

แกรนท์ ธอร์นตัน

โทร: 02 205 8142

อีเมล์: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version