สำหรับอาการผู้ติดเชื้อเอดส์ส่วนใหญ่ที่พบคือ เมื่อภูมิต้านทานร่างกายต่ำจากเชื้อไวรัส ภาวะการติดเชื้อโรคต่าง ๆ จึงแทรกซ้อนได้ง่าย ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายขาดความสมดุล ซึ่งสอดคล้องตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทยซึ่งจะใช้หลักการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เน้นความสมดุลของธาตุในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม และไฟ ต้องสมดุลจึงจะไม่เจ็บป่วย ดังนั้นผู้ป่วยเอดส์นอกจากต้องเข้าบำบัดรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว สามารถนำการดูแลรักษาผู้ป่วยตามแนวแพทย์แผนไทยไปใช้ร่วมด้วยก็ได้ เพราะมีสมุนไพรหลากหลายชนิดที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอดส์มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยแยกสมุนไพรออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1. กลุ่มสมุนไพรเพิ่มภูมิต้านทาน ได้แก่ เถาวัลย์เปรียง งานวิจัยเถาวัลย์เปรียงของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่าสามารถเพิ่ม CD4 ในผู้ติดเชื้อเอดส์ เพิ่มภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี 2. กลุ่มสมุนไพรที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับเชื้อไวรัส ได้แก่ เม็ดมะระขี้นก ซึ่งมีสารไซยาไนส์ สามารถแทรกซึมเข้าไปในเซลล์ของไวรัสทำให้ไวรัสไม่สามารถแตกตัวออกมาได้ 3.กลุ่มที่ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ พลูคาว มีงานวิจัยพบว่าสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันที่ดีแต่ต้องรับประทานให้ถูกวิธีคือ กินสด คั้นน้ำดื่ม หรือทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ โดยนำพลูคาวหมักน้ำตาลทรายแดงกินช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ ไม่ควรนำพลูคาว อบ บดแห้งใส่แคปซูลเพราะน้ำมันหอมระเหยตัวสำคัญจะหายไป หากผู้ป่วยมีการท้องเสียให้ใช้ควบคู่กับฟ้าทะลายโจร เรื่องโภชนาการของผู้ป่วยโรคเอดส์ก็สำคัญ ภูมิปัญญาคนโบราณแนะนำให้รับประทานเห็ด เห็ดทุกชนิดช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน อีกทั้งเห็ดยังเปรียบเสมือน ผงชูรสธรรมชาติทำให้อาหารอร่อยขึ้น แต่ที่สำคัญผู้ป่วยโรคเอดส์ต้องรับประทานอาหารให้หลากหลาย หากเบื่ออาหารกินข้าวไม่ได้ ให้รับประทานบอระเพ็ดแช่น้ำผึ้ง โดยนำบอระเพ็ดบุพอแตก หั่นขนาดเท่า 1 ข้อนิ้วมือ แช่น้ำผึ้ง 1 เดือน รับประทานก่อนอาหารจะช่วยให้ผู้ป่วยเจริญอาหารและรับประทานอาหารได้มากยิ่งขึ้น
นายแพทย์สมชัย กล่าวอีกว่า การดูแลผู้ป่วยเอดส์นั้นจำเป็นต้องใช้การรักษาที่ควบคู่กับยาและการดูแลจากแพทย์ แผนปัจจุบันเพียงแต่สามารถนำหลักการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเช่นอาหารสมุนไพร น้ำสมุนไพร สมาธิบำบัดเข้ามาเสริมเพื่อเป็นการส่งเสริมและดูแลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นขอย้ำว่าการดูแลรักษาผู้ป่วยจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์แผนปัจจุบันและใช้แพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกเข้ามาเสริมในการดูแลสุขภาพผู้ป่วย
ด้านเภสัชกรหญิงผกากรอง ขวัญข้าว จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยเอดส์ควรระมัดระวังในเรื่องการรับประทานพืชผัก ผลไม้ที่มีสารพิษปนเปื้อน จึงแนะให้รับประทานผักพื้นบ้าน เช่นผักแพรวหรือ ยอดฟักแม้ว ซึ่งผักเหล่านี้มีวิตามินเอ อี สูงซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมารับประทานเพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยเอดส์ สำหรับปัญหาผิวหนังที่เป็นแผล ลักษณะเช่นนี้ ให้ใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดี โดยนำ ผงฟ้าทะลายโจรละลายผสมน้ำเล็กน้อยพอกเวลากลางคืนขณะนอนโดยปิดด้วยผ้าก๊อตปิดแผลบางๆ ช่วงกลางวันควรทาปกติ ไม่ต้องปิดผ้าก๊อต หรือถ้าใช้ใบฟ้าทะลายโจรสด ให้นำใบมาตำผสมเหล้าขาวเล็กน้อยทาแผลได้เช่นกัน หรือใช้ว่านหางจระเข้ทาเมื่อผู้ป่วยผิวแห้งจะเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้ดี