นายปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วังทองกรุ๊ป จำกัด เจ้าของสโลแกน “ให้ทุกมุมของบ้านเป็นมุมโปรดของคุณเพราะบ้านนี้เพื่อคุณ” ผู้นำตลาดบ้านตอนเหนือของกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2555 ได้เปิดตัวขายโครงการใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ “เลอมาน” ตั้งอยู่ที่ย่านคลองหลวง คลอง 1 ปทุมธานี โดยเป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 69-70 ตร.ว. ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่จอดรถ 2 คัน ราคาขายเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท มีจำนวนทั้งหมด 160 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท บนพื้นที่โครงการทั้งหมด 42 ไร่ ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือเป็นบ้านสไตล์คอนเท็มโพรารี่ หากได้สัมผัสจะได้กลิ่นความเป็นบ้านไทยผนังไม้ 3 โทนสี เพดานสูง โปร่งโล่ง ที่ใช้โทนสีออกแนวหวานๆ ไล่ระดับสีออกเป็น 3 เฉดสีภายในบ้านสร้างความสดใสให้กับโครงการและสร้างความแตกต่างให้กับบ้านแต่ละหลัง และพื้นที่ขนาดใหญ่หลังบ้านมีความกว้างถึง 8 เมตร
ซึ่งทางโครงการคิดเผื่อไว้ให้ลูกบ้านได้ดัดแปลงเป็นพื้นที่ต่างๆ ตามไอเดียของลูกบ้าน อาทิ ลานจัดกิจกรรมภายในครอบครัว ตกแต่งเป็นสวนหลังบ้าน หรือสระว่ายน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ตัวโครงการยังมีจุดเด่นด้านสาธารณูปโภค โดยมีถนนกว้างรวมทางเท้าถึง 15 เมตร และมีเลนจักรยาน S*Curve แยกต่างหาก เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ Healthy Hobbies ผู้รักสุขภาพ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกบ้านของวังทองมีโอกาสได้ออกกำลังกายร่วมกับครอบครัวเป็นงานอดิเรก โดยใช้จักรยานเป็นหลัก และภายในตัวโครงการมีสโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสุขภาพและ ลานอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ไว้ให้ลูกบ้านทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดขายอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 24-25 พ.ย. 2555 ปัจจุบัน มียอดขายแล้ว 41 ยูนิต นายปราโมทย์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดบ้านในย่านตอนเหนือของกรุงเทพฯว่า กำลังซื้อดีขึ้นมากกว่าปี2554ที่ผ่านมา เห็นได้จากลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบ้าน 10 รายจะซื้อเพียง 1 ราย แต่เมื่อต้นปี 2555 อัตราการขายของลูกค้าเยี่ยมชมบ้าน 6 รายจะซื้อ 1 ราย และปัจจุบันอยู่ที่ 4-5 รายต่อการซื้อ 1 หลัง ทั้งนี้เพราะลูกค้าเริ่มมีความมั่นใจแล้วว่าน้ำจะไม่ท่วมเหมือนปีก่อน
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจและตลาดบ้านในปี 2556 นายปราโมทย์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจะยังเติบโตดี หากไม่มีปัจจัยลบคือเรื่องของการเมือง ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็จะเติบโตตามจีดีพีของประเทศ บ้านแนวราบราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังขายได้ ส่วนผู้ที่เข้าไปลงทุนในหัวเมืองใหญ่น่าจะหันกลับมาทำตลาดกรุงเทพฯ เพราะดีมานด์ในหัวเมืองใหญ่อย่างไรเสียก็มีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ขณะที่ตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑลมีขนาดใหญ่กว่า ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมนั้นตลาดกลาง-ล่างขายดี แต่ดีมานด์ก็ดูดซับไปเยอะแล้ว ตลาดอาจอยู่ในภาวะทรงตัว
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของค่าแรงที่ปรับขึ้น 300 บาทนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับบริษัทวังทองกรุ๊ป แต่ที่สำคัญคือไม่มีแรงงานก่อสร้าง แต่ทั้งนี้บริษัทฯนั้นได้นำระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปเข้ามาใช้ และใช้วิธีบริหารการจัดการเข้ามาช่วย จึงทำให้สามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าตามกำหนดสัญญาที่ทำไว้ สำหรับแผนการลงทุนในปี 2556 บริษัทฯกำลังมองหาที่ดินย่านสายไหมและรามอินทรา 3-4 แปลงด้วยกัน ขนาดพื้นที่ 10-30 ไร่ต่อแปลงเพื่อพัฒนาโครงการใหม่มูลค่าการขาย 1,400 บาทต่อปี อนึ่งผลประกอบการของวังทอง กรุ๊ป ในปี 2555 ที่จะผ่านไปนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าขายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะสามารถทำได้กว่าเป้าที่ตั้งไว้