เอสซีจี 100 ปี ผู้นำองค์กรนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งเป็นผู้นำธุรกิจอย่างแท้จริงในอาเซียน

อังคาร ๑๑ ธันวาคม ๒๐๑๒ ๑๒:๐๑
เอสซีจี ก้าวสู่ปีที่ 100 อย่างแข็งแกร่ง เผย “คน” คือ ปัจจัยสำคัญความสำเร็จองค์กร มุ่งมั่นพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง ผ่านวิกฤตทุกสมัยด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ พร้อมเป็นต้นแบบการบริหารจัดการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เติบโตเป็นผู้นำธุรกิจอย่างแท้จริงในอาเซียน

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวในโอกาสแถลงข่าวเอสซีจีก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 “ถอดบทเรียน เอสซีจี 100 ปี องค์กรนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” ว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2456 ถึงปัจจุบัน เอสซีจี มีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอุดมการณ์ 4 ของเอสซีจี โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เอสซีจีเติบโต อย่างมั่นคง คือ “คน” ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุด เราให้ความสำคัญอย่างจริงจังในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ทั้งความรู้ความสามารถและคุณธรรม เพื่อให้คนเอสซีจีมีความสามารถดำเนินธุรกิจได้ในทุกสถานการณ์ โดยมองว่าเป็นการลงทุนที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปี เอสซีจีใช้งบประมาณเพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคล ปีละ 1,200 ล้านบาท

“เมื่อครั้งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ในปี พ.ศ. 2540 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความร่วมมือของคนเอสซีจีได้อย่างชัดเจน เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวด้วยคนที่เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อต้องประสบกับวิกฤตอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือน้ำท่วมครั้งใหญ่ คนของเราก็รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นพร้อมรับทุกเหตุการณ์วิกฤตอย่างมั่นใจ

เอสซีจียังเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ตามนโยบายมุ่งสู่องค์กรนวัตกรรม เรามั่นใจว่ามาถูกทางและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสินค้า HVA มีอัตราเติบโตสูงขึ้นอย่างมาก เทียบจากปี 2547-2554 ยอดขายรวมเติบโตขึ้นร้อยละ 90 สินค้า HVA มีอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 1400 หรือ 14 เท่า ขณะที่สินค้า Commodity มีอัตราเติบโตร้อยละ 34 ณ ปัจจุบัน สินค้าในกลุ่ม HVA มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 34 ของยอดขายรวม และได้ตั้งเป้ายอดขายจากสินค้าและบริการ HVA ร้อยละ 50 ของยอดขายทั้งหมด ภายในปี พ.ศ. 2558

ก้าวต่อไปของเอสซีจี จะเติบโตเป็นผู้นำธุรกิจอย่างแท้จริงในอาเซียน เราได้เปลี่ยนมุมมองและแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับการก้าวสู่ประชมคมเศรษฐกิจอาเซียน มีเครือข่ายธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา สิงค์โปร์ มาเลเซีย และเมียนมาร์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 55,400 ล้านบาท รวมทั้งมุ่งเน้นขยายการลงทุนธุรกิจหลักในอาเซียน โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการลงทุน 77,500 ล้านบาท ทั้ง M&A และ Greenfield ในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และไทย” นายกานต์ กล่าว

“ตลอดระยะเวลาหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เอสซีจี มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมบนพื้นฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของคนเอสซีจี เราพร้อมสนับสนุนให้องค์กร ต่าง ๆ นำแนวทางการบริหารจัดการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจอุตสาหกรรม และเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค เอสซีจีมั่นใจว่าจะก้าวสู่ศตวรรษที่สองอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายกานต์ กล่าวในตอนท้ายเอสซีจี 100 ปี องค์กรนวัตกรรมชั้นนำแห่งอาเซียนความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ก่อกำเนิดบริษัทปูนซีเมนต์แห่งแรกของเมืองไทย เอสซีจี ซิเมนต์

เอสซีจีถือกำเนิดขึ้นจากพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ทรงให้ก่อตั้งบริษัทปูนซิเมนต์ไทย เป็นบริษัทผลิตปูนซีเมนต์แห่งแรกของไทย ในปี พ.ศ. 2456 เพื่อผลิตปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้างที่สำคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยบริษัทได้เริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งแรกขึ้นที่บางซื่อ ผลิตปูนซีเมนต์ชนิดปอร์ตแลนด์ ก่อนขยายตัวทางธุรกิจด้วยการตั้งโรงงานท่าหลวง เพื่อเพิ่มกำลังผลิต ต่อมา บริษัทได้ตั้งโรงงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรงงานทุ่งสง ที่มีกรรมวิธีการผลิตปูนซีเมนต์แบบแห้งแห่งแรกของไทย โรงงานแก่งคอย ที่เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น โรงงานเขาวง ที่มีหม้อเผาที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น และโรงงานลำปาง เพื่อขยายกำลังผลิตในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมุ่งมั่นผลิตปูนซีเมนต์และคอนกรีตคุณภาพที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตวัสดุทนไฟที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยและใหญ่ที่สุดในประเทศ

จุดเปลี่ยนครั้งใหม่ สร้างธุรกิจจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง เติบโตสู่ เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น

ในอดีต บริษัทที่ผลิตสินค้าต้องขายสินค้าเองด้วย บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจึงได้ตั้งโต๊ะขายตั๋วสินค้าหน้าโรงงาน ต่อมา การบริหารงานขายสินค้าของบริษัทเริ่มชัดเจนมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2458 มีการจัดตั้งแผนกจัดจำหน่าย (Sale Office) ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการขายโดยใช้ผู้แทนจำหน่าย (Sale Agency) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงมีแผนจัดตั้งบริษัทจัดจำหน่ายขึ้นเป็นครั้งแรก คือ บริษัทค้าวัตถุก่อสร้าง จำกัด ในปี พ.ศ. 2505 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจำหน่ายสินค้าที่เอสซีจีผลิตทั้งในเเละต่างประเทศ จากนั้นได้พัฒนาระบบจัดจำหน่ายให้แข็งแกร่งโดยใช้กลยุทธ์พัฒนาเครือข่ายและคลังสินค้า จัดตั้งผู้เเทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ พัฒนาคลังสินค้าในภูมิภาค วางแผนพัฒนาระบบผู้แทนจำหน่าย ควบคุมการปฏิบัติการด้านการผลิต การเงิน การขนส่ง การซ่อมบำรุง การบันทึก และการสืบค้นข้อมูล และเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ให้บริการขนส่งและกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ริเริ่ม สร้างสรรค์ ต่อยอดธุรกิจใหม่ สู่เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

จากความเชี่ยวชาญในธุรกิจปูนซีเมนต์กว่า 25 ปี เอสซีจีได้ต่อยอดและพัฒนาสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยก่อตั้งบริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ในปี พ.ศ. 2481 เพื่อผลิตสินค้าที่ใช้ปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ใยหินสำลี ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ สินค้าที่ผลิตครั้งแรก ได้แก่ กระเบื้องกระดาษ

มุงหลังคาชนิดลอน กระเบื้องแผ่นเรียบ ฝ้าผนังและชายคา ต่อมา ได้ขยายธุรกิจสู่การผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งครบวงจร เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หลังคา กระเบื้องเซรามิก สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ บล็อกปูถนน ฉนวนกันความร้อน ภายใต้แบรนด์คุณภาพมากมายทั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน มีการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด Create Better Habitat Solution for All

จากถุงบรรจุปูน สู่ธุรกิจกระดาษครบวงจร เอสซีจี เปเปอร์

การได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เอสซีจีขยายสู่ธุรกิจกระดาษ ในปี พ.ศ. 2518 บริษัทได้เข้าไปบริหารกิจการของบริษัทสยามคราฟท์ จำกัด ผู้ผลิตกระดาษสำหรับทำถุงบรรจุปูนซีเมนต์อย่างเต็มตัว จากนั้น ได้ก่อตั้งบริษัทเยื่อกระดาษสยาม จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษ ซึ่งเป็นต้นน้ำสำคัญของธุรกิจ และขยายสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และกระดาษพิมพ์เขียน ซึ่งเป็นปลายน้ำของธุรกิจ ส่งผลให้เอสซีจีก้าวเข้าสู่ธุรกิจกระดาษครบวงจรอย่างแท้จริง และเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์กระดาษแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของไทย

จากยุทธศาสตร์การคิดนอกกรอบ สู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์

การก้าวเข้าสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์กับยุทธศาสตร์การคิดนอกกรอบ ถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้เอสซีจีตื่นตัวในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา การเกิดขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ของเอสซีจีสอดรับกับแผนแม่บทโครงการปิโตรเคมีของรัฐ ที่จัดตั้งบริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด ในปี พ.ศ. 2526 โดยมีเอสซีจีร่วมถือหุ้น มีเป้าหมายในการสร้าง Petrochemical Complex ขั้นต้นของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย ในขณะนั้น บริษัทเริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์อย่างเป็นทางการ ก่อตั้งบริษัทไทยโพลิเอททีลีน จำกัด เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอททีลีนและเม็ดพลาสติกโพลิโพรไพลีนครบทุกประเภทเป็นรายแรกของไทย และขยายการลงทุนโดยเข้าสู่อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ขั้นต้น ด้วยการก่อตั้งโรงงานโอเลฟินส์ ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศ และเป็นก้าวสำคัญที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย

เปิดใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ เติบโตไปพร้อมคู่ธุรกิจ ก่อกำเนิดธุรกิจร่วมทุน

เอสซีจีได้ร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เพื่อดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมโลหะ เหล็ก เครื่องจักรกล และไฟฟ้า โดยเกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การบริหารจัดการ และระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นำไปสู่การต่อยอดให้ทุกธุรกิจของเอสซีจีพัฒนาศักยภาพได้สูงสุด ซึ่งการร่วมทุนกับต่างประเทศ สะท้อนถึงการเป็นที่ยอมรับของเอสซีจีในระดับโลกได้เป็นอย่างดี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สื่อสารการตลาด บริษัทเอสซีจีเน็ตเวิร์คแมเนจเม้นท์ จำกัด

อาคาร 30 D ชั้น 1 เลขที่ 1 ถ.ปูนซิเมนต์ไทย บางซื่อ กรุงเทพ 10800

โทรศัพท์ 02-5864444

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version