"สำนักข่าว เอซีนิวส์" ระดมกูรูการค้า การลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน จัดสัมมนาเพื่อติดอาวุธผู้ประกอบการไทย ไม่ให้เกิดการเสียเปรียบคู่ต่อสู้

ศุกร์ ๑๔ ธันวาคม ๒๐๑๒ ๐๙:๕๙
"สำนักข่าว เอซีนิวส์" โดย อัชณา จิณณวาโส บรรณาธิการบริหาร ระดมกูรูผู้มีประสบการณ์ตรง ในเรื่องการค้า การลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลาง มาถ่ายทอดประสบการณ์ ในงานสัมมนา "เปิดโอกาสการลงทุนนักธุรกิจไทยในประเทศเพื่อนบ้าน"เพื่อติดอาวุธผู้ประกอบการไทย ไม่ให้เกิดการเสียเปรียบคู่ต่อสู้ในการแข่งขัน และพร้อมรับมือกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะมาถึงในปลายปี 2558 ได้อย่างมืออาชีพ

ดร.ธนิต โสรัตน์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานสัมมนาของสำนักข่าวเอซีนิวส์ เรื่อง “เปิดโอกาสการลงทุนนักธุรกิจไทยในประเทศเพื่อนบ้าน” ในหัวข้อ “มิติการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกับโอกาสของธุรกิจไทย” ที่ ห้อง เคทีซี ป๊อบ อาคารสมัชชาวาณิช 2 โดยระบุว่า ในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนลาว พม่า และเวียดนาม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบประเทศอื่น เนื่องจากภูมิประเทศของไทยอยู่ตรงกลางระหว่างประเทศเหล่านั้น และมีพื้นที่ตามแนวชายแดนติดกัน โดยพม่า ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพทั้งด้านพื้นที่และประชากร ที่เหมาะกับการเข้าไปลงทุน และเป็นตลาดที่สำคัญในอนาคต เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ มีศักยภาพต่อการลงทุนทั้งด้านอุตสาหกรรม บริการ การค้าขาย และการเกษตรทุกประเภท แต่พม่าก็มีปัญหาด้านการขาดแคลนไฟฟ้า ขณะที่กัมพูชาเป็นประเทศที่พร้อมรับการลงทุน และนักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ทันที เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เนื่องจากมีประชากร 14 ล้านคน ค่าจ้างแรงงานประมาณ 100-120 บาท/วัน โดยอุตสาหกรรมที่เหมาะกันการลงทุนจะเป็นอุตสาหกรรมเบา เพราะเป็นประเทศที่ส่งออกเครื่องนุ่งห่มมากกว่าไทย แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง คือ ไฟฟ้าที่มีไม่เพียงพอ และกฎหมาย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในที่ห่างไกลยังมีอันตรายจากกับระเบิด ส่วนลาวเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยเพียง 6.99 ล้านคน จึงมีปัญหาเรื่องแรงงานที่ไม่สามารถรองรับการลงทุนที่ใช้แรงงานมาก เป็นประเทศที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของประชาชนมากกว่าด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นอุตสาหกรรมที่ควรเข้าไปลงทุน ควรเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับการเกษตร หรือสังคมเชิงเกษตร รวมทั้งการท่องเที่ยวธรรมชาติ” ดร.ธนิต กล่าว

ด้าน นางอรนุช ผการัตน์ ประธานสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจไทยในกัมพูชา ร่วมบรรยายในงานสัมมนาครั้งนี้ในหัวข้อ “เปิดช่องทางลัดสู่ธุรกิจบริการในประเทศกัมพูชา” ว่า กัมพูชายังเป็นโอกาสของการลงทุน โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งธุรกิจที่ควรลงทุน ได้แก่ ธุรกิจเกษตร ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจโลจิสติกส์ โทรคมนาคม เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศที่กำลังเร่งพัฒนา แต่ไม่สามารถผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคได้เพียงพอต่อความต้องการ และยังมีค่าจ้างแรงงานที่ถูกกว่าไทย รวมทั้งรัฐบาลยังให้การสนับสนุนการลงทุน ทั้งในเรื่องการยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าที่ใช้ในการผลิต” นางอรนุช กล่าว

สำหรับวิทยาการรับเชิญอีกท่านคือ ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย ร่วมบรรยายในหัวข้อ “จับกระแสการเงินการลงทุนในประเทศเวียดนาม” โดยระบุว่า เวียดนามนับเป็นประเทศที่มีศักยภาพแห่งหนึ่ง แต่มีปัจจัยที่ต้องระวัง เพราะเป็นประเทศที่ขยายตัวสูงแต่ขาดเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ และเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกในการขยายตัวของเศรษฐกิจเหมือนกับประเทศไทย ซึ่งในอนาคตอาจมีปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่วนเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้า ส่วนใหญ่เป็นเงินร้อนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นมากกว่าลงทุนโดยตรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการไหลออกของเงินทุน” ดร.บันลือศักดิ์ กล่าว

สำหรับประเด็นการลงทุนในพม่า นายธันวา มหิทธิวาณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัทวี-เวนทิส จำกัด ได้ “เจาะลึกกฎหมายลงทุนในประเทศพม่า” โดยระบุว่า การปรับปรุงกฎหมายของพม่าล่าสุดที่เกี่ยวกับการลงทุน หรือ Foreign Investment Law เป็นกฎหมายที่กำหนดว่า นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในธุรกิจใดได้บ้าง ขณะเดียวกันก็ระบุเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ทำให้มีความชัดเจนในการเข้าไปลงทุนในพม่ามากขึ้น เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างชาติ โดยเนื้อหาของกฎหมายจะเน้นเกี่ยวกับการถือหุ้น และการจดทะเบียนของบริษัทต่างชาติ จะมีขั้นตอนอย่างไร เงินทุนในการจดทะเบียนต้องชำระอย่างไร ด้านแรงงานระบุเกี่ยวกับเงื่อนไขการจ้างแรงงานพม่าในบริษัทต่างๆ ต้องมีสัดส่วนเท่าใดของแรงงานในบริษัทนั้น นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังระบุถึงขั้นตอนการโอนเงินออกนอกประเทศ และภาษีที่ต้องชำระให้กับรัฐบาล

สำหรับวิทยากรท่านสุดท้าย นายทักษ์ ศรีรัตโนภาส ผู้อำนวยการร่วมทุนและการค้าระหว่างประเทศ บริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด บรรยายเกี่ยวกับเรื่อง “ผ่าธุรกิจการเกษตรและระบบการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศลาว” ว่า สปป.ลาว วางแผนที่จะพัฒนาประเทศให้เป็นแบบสวิสเซอร์แลนด์ ในการขายธรรมชาติ ด้วยการรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาธรรมชาติ เพื่อจะได้มีน้ำมาปั่นไฟ และนำไฟมาขาย สร้างรายได้ต่อหัวประชากรสูงขึ้น โดย สปป.ลาวมองตัวเองเป็นแบตเตอรี่ของอาเซียน เป็นตัวที่คอยชาร์ตไฟให้กับอาเซียน ฉะนั้นถ้าลาวสามารถบริหารจัดการเรื่องนี้ได้ดี สปป.ลาวจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่น่าลงทุน แต่ยังติดปัญหาเรื่องแรงงานที่มีจำนวนน้อย การจะลงทุนในลาวให้ประสบผลสำเร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ต้องเข้าใจภาษาและวัฒนธรรม ต้องเข้าถึงชุมชน และต้องหาจุดแข็งของตนเองให้เจอ รวมถึงต้องมองและพัฒนาธุรกิจไปในระยะยาว โดยอาศัยการผลิตสินค้าที่สามารถต่อยอดไปผลิตสินค้าประเภทอื่นภายใต้วัตถุดิบเดียวกัน” นายทักษ์ กล่าวปิด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ