สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าไทย — เมียนมาร์ (Joint Trade Committee: JTC) ครั้งที่ ๖ ระหว่างวันที่ ๑ — ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ณ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน กรุงเทพฯ โดยมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนายอู วิน มิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ฝ่ายเมียนมาร์ เป็นประธานร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน พร้อมทั้งหารือถึงประเด็นปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่ยังคั่งค้างอยู่จากการประชุมครั้งที่แล้ว ผลจากการประชุมดังกล่าว เมียนมาร์ได้แจ้งให้ทราบว่า ได้ผ่อนคลายมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าจำนวน ๑๕ รายการ ในรูปการค้าปกติผ่านทางชายแดน โดยได้ยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าสำหรับสินค้าจำนวน ๗ รายการจาก ๑๕ รายการดังกล่าวแล้ว ได้แก่ ผงชูรส น้ำหวานและเครื่องดื่ม อาหารกระป๋อง(เนื้อสัตว์และผลไม้) เส้นหมี่และบะหมี่สำเร็จรูปทุกชนิด ผลไม้สดทุกชนิด ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับใช้ในครัวเรือนและใช้ส่วนตัวทุกชนิด และขนมปังกรอบทุกชนิด แต่สำหรับสินค้าจำนวน ๘ รายการที่เหลือ ได้แก่ หมากฝรั่ง ขนมเค้ก ขนมเวเฟอร์ ช็อกโกแลต เหล้า เบียร์ บุหรี่ และสินค้าควบคุมการนำเข้าโดยกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เมียนมาร์ยังคงห้ามนำเข้าต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวต่อไปว่า ทั้งสองฝ่ายยังเห็นควรให้มีการตั้งเป้าหมายการค้าเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่าในปี ๒๕๕๘ จากมูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี ๒๕๕๒ ปัจจุบันไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ ๑ ของเมียนมาร์ โดยในปี ๒๕๕๕ (ม.ค.- ต.ค.) มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเมียนมาร์ มีมูลค่า ๑๗๐,๓๔๓.๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๑๑.๔๙ แยกเป็นการส่งออกจากไทยไปเมียนมาร์ มีมูลค่า ๗๘,๘๑๒.๓ ล้านบาท และการนำเข้าจากเมียนมาร์มาไทย มีมูลค่า ๙๑,๕๓๑.๕ ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกจากไทยไปเมียนมาร์ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องดื่ม เครื่องจักรกล ปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ และเหล็ก เป็นต้น และสำหรับสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเมียนมาร์ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ไม้ซุง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ไม้ สินแร่โลหะ เศษโลหะ เนื้อสัตว์ และอุปกรณ์การถ่ายภาพ เป็นต้น ทั้งนี้การค้าส่วนใหญ่ระหว่างไทยกับเมียนมาร์ เป็นการค้าชายแดนซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ ๘๐ คาดว่าหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการการห้ามนำเข้าสินค้าจากไทยครั้งนี้แล้ว อาจจะมีการผ่อนคลายการห้ามนำเข้าสินค้าในรายการอื่น ๆ ที่เหลือต่อไป ซึ่งจะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเมียนมาร์เพิ่มขึ้น