นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2555 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2555 เนื่องจากบริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการส่งมอบเครื่องจักรให้กับลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาตามภาวะการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกทำให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
“อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเป็นขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อีกทั้งด้วยจุดเด่นการมีเครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่หลากหลาย จึงทำให้มั่นใจว่าปัจจัยบวกที่กล่าวมาจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานไตรมาสที่เหลือปีนี้ของ TMC จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง” นายสุรเชษฐ์กล่าว
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/2555 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากโดยมีกำไรสุทธิ 50.735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,621% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2554 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2.012 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 109.823 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,426% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.194 ล้านบาท
สาเหตุหลักที่สำคัญที่ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/2555 ของ TMC ขยายตัวได้อย่างโดดเด่นขนาดนี้เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดรายได้จากการขายจำนวน 129.05 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเครื่องเพรสจำนวน 127.76 ล้านบาทโดยได้รับปัจจัยบวกจากแรงสนับสนุนของภาครัฐที่มุ่งสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ที่มีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน (Eco Cars) และการเพิ่มมาตรการประหยัดภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก จึงส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ เร่งกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า และมีความต้องการเครื่องเพรสระบบไฮดรอลิคเพิ่มขึ้น ส่วนยอดรายได้จากการให้บริการก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันจำนวน 25.83 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการให้บริการซ่อมแซมเครื่องจักรของลูกค้าที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี2554 ทำให้เครื่องจักรไม่สามารถใช้งานได้ และบริษัทมีการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องจึงทำให้บริษัทมียอดรายได้จากการให้บริการซ่อมแซมเพิ่มขึ้น
ในด้านอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการขายเครื่องทดสอบแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ไปต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทมีการบริหารต้นทุนในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงส่งผลให้กำไรขึ้นต้นเพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการให้บริการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 สำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 เป็นร้อยละ 56 ของงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และสุดท้ายคือต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 65.52 เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีสภาพคล่องมากขึ้นจึงส่งผลให้บริษัทมีความต้องการใช้วงเงินสินเชื่อลดลง
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ TMC ครั้งที่ 5/2555 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2555 ให้แก่ ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตรา 0.09 บาทต่อหุ้นรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 26.10 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.17 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 12 ธันวาคม 2555