นายสนธยา กล่าวอีกว่า ตนได้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่ต้นว่าต้องทำให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง เพราะมิติทางวัฒนธรรมนั้นครอบคลุมในเรื่องต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งวัฒนธรรมคือสิ่งที่ว่าด้วยวิถีชีวิตและความเจริญงอกงาม สามารถที่จะนำไปอยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศได้ นอกจากนี้ทุกหน่วยงานต้องร่วมกับกระทรวงอื่นๆด้วย เช่น กรมศิลปากรที่ร่วมกับกระทรวงการคลัง จัดงาน "รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี" โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติใช้ชมช่วงค่ำให้ประชาชนชมโบราณวัตถุและสิ่งของอันล้ำค่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ขณะเดียวกัน กระทรวงวัฒนธรรมจะดำเนินการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ให้มีชีวิตมากยิ่งขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย รวมถึงปลุกฝังให้เยาวชนได้เรียนรู้ศิลปะการแสดงต่างๆก่อนการแสดงจริง ทั้งนาฏศิลป์ หรือการแสดงหน้าม่าน เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับเรื่องของการท่องเที่ยว ก็จะต้องนำเรื่องวัฒนธรรมเข้าไปอยู่ด้วย โดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวไปชมโบราณสถานสำคัญต่างๆที่มีอยู่ในประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายเรื่องการสร้างรายได้การท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ที่กระทรวงวัฒนธรรมจะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย
“ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งองค์การมหาชน จะต้องมีการบูรณาการทำงานให้เป็นทีมวัฒนธรรมเดียวกันเพื่อร่วมกันสร้างฐานวัฒนธรรมให้เข้มแข็ง และทำงานในเชิงรุก เพื่อให้สังคมมองว่ากระทรวงวัฒนธรรมมีผลงานที่โดดเด่นและไม่ใช่กระทรวงอันดับท้ายอีกต่อไป โดยจะต้องใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นที่ตั้งในการขับเคลื่อนงานในภาพรวมได้อีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว