บทความ: กำจัดอาการไอ เริ่มชีวิตใหม่ที่สดใสซาบซ่ากว่า หรือ กำจัดอาการไอ ส่องประกายดาวเด่นตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่

จันทร์ ๐๗ มกราคม ๒๐๑๓ ๐๙:๒๘
ปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนยึดเป็นวันเริ่มต้นเมื่อปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงดูแลตัวเองในทางที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้วมักพบว่ามีส่วนน้อยทำได้ตลอดรอดฝั่ง หากพิจารณาดีๆ จะพบว่ามีปัญหาบางอย่างที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย เช่นอาการไอที่เป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรัง เป็นอุปสรรค์ต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อพิชิตจุดหมายที่วางไว้ บริษัท ดีคอลเจน จำกัด จึงได้จับมือกับ ผศ. นพ. มานพชัย ธรรมคันโธ คณะแพทยศาสาตร์ ศิริราชพยาบาล จัดเสวนาให้ความรู้ภายใต้หัวข้อ“กำจัดอาการไอ เริ่มชีวิตใหม่ที่สดใสซาบซ่าตั้งแต่ต้นปี”

ผศ. นพ. มานพชัย กล่าวว่า “ทุกวันนี้คนไทยเรามีปัญหาสุขภาพเรื่องอาการไอกันมาก เพราะอากาศที่แปรปรวน และมลภาวะทางอากาศที่เลวร้ายลงทุกทีๆ รวมถึงการใช้ชีวิตที่สมบุกสมบันของด้านหน้าที่การงาน อาการไอนี้นอกจากจะบั่นทอนสุขภาพอนามัยที่ดีแล้ว หากปล่อยให้เป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรังอยู่ ก็จะเสียบุคลิกภาพ ความมั่นใจ อีกทั้งเสียงไอและการมีเสมะหะเป็นสิ่งรบกวนและเป็นที่รังเกียจของคนรอบข้าง สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรค์ท้าทายอย่างมากต่อหนุ่มสาววัยทำงานที่มุ่งมั่นที่จะทยานสู่ความเจริญก้าวหน้าตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นเราควรจะเริ่มต้นกันที่การเรียนรู้เข้าใจสาเหตุและกลไกการไอ และทำการรักษาดูแลตนเองอย่างถูกวิธีกันโดยด่วน เพื่อต้อนรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ซาบซ่าสดใสกว่า”

“อาการไออาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ และมีลักษณะที่หลากหลาย จึงมีความจำเป็นต้องฉลาดเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับอาการ มิฉะนั้นก็จะไม่หายเสียที หรือกลายเป็นอาการเรื้อรัง ลักษณะของการไอบางครั้งก็ช่วยบอกสาเหตุได้เช่น แบบไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ มักเกิดจากสารระคายเคืองมลภาวะต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง แบบที่สองคือไอและแน่นหน้าอก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย มักพบในผู้ป่วยในโรคหอบหืดมักต้องใช้ยาขยายหลอดลมโดยช่วยให้กล้ามเนื้อหลอดลมคลายตัว และแบบที่พบบ่อยมากคือ ไอมีเสลตหรือเสมหะ ลักษณะเสมหะจะช่วยในการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นได้เช่น ถ้าเสมหะสีเหลืองเขียวข้น มักเกิดจากการติดเชื้อ ถ้าเป็นสีขาวใสมักเป็นอาการไอจากภุมิแพ้หรือหอบหืด”

ผศ.นพ. มานพชัย ได้กล่าวเสริมความรู้เรื่องการใช้ยาแก้ไอว่า “สำหรับคนที่ไอและมีเสมหะร่วมด้วยควรได้รับยากลุ่มละลายเสมหะ เช่น กลุ่มคาโบซิสเตอีน 500 มิลลิกรัม หรือ กลุ่มบรอมเฮกซีน 8 มิลลิกรัม เพื่อลดความเหนียวข้นของเสมหะ ทำให้เสมหะถูกละลายและขับออกมา และจะบรรเทารักษาอาการไอดีขึ้น

ผู้ป่วยซึ่งมีอาการไอแบบมีเสมหะ ไม่ควรเลือกรับระทานยากลุ่มที่ระงับหรือกดอาการไออย่างที่คนมีอาการไอแบบแห้งๆ “แห้ง” ใช้ เพราะยาเหล่านี้แม้จะทำให้ไอรู้สึกว่าน้อยลง แต่ไม่ได้ช่วยให้เสมหะลดลง ในทางตรงข้ามจะยิ่งสะสมมากขึ้นในหลอดลม อาจทำให้เกิดหลอดลมอุดตันและเกิดการติดเชื้อจนกลายเป็นโรคปอดอักเสบรุนแรงได้”

“ตามปกติแล้วหากรับประทานยาที่ถูกกับโรคและอาการ รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยแวดล้อมที่กระตุ้นการไอ และดูแลสุขภาพ นอนหลับพักผ่อน ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เสมหะจะลดลงภายใน 3-5 วัน อาการไอจะหายไปภายใน 5-7 วัน ทำให้คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสดใสส่องประกายเป็นดาวเด่น และประสบความสำเร็จอย่างมั่นใจไร้ปัญหาสุขภาพได้ไม่ยาก” ผศ.นพ. มานพชัย กล่าวปิดท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ