ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร "บ. เอสโซ่ (ประเทศไทย)" ที่ "A+/Stable"

อังคาร ๐๘ มกราคม ๒๐๑๓ ๑๕:๑๙
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ตลอดจนโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตอะโรเมติกส์ที่มีประสิทธิภาพและครบวงจร ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนที่เข้มแข็งจาก Exxon Mobil Corporation (ExxonMobil) และบริษัทในเครือ ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความผันผวนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ตลอดจนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะที่แข็งแกร่งทั้งในส่วนของผลประกอบการและการตลาดในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทยเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำรงสภาพคล่องให้เพียงพอและยังคงได้รับการสนับสนุนจาก ExxonMobil ต่อไปเพื่อที่จะสามารถรองรับความผันผวนของธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีได้

บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือ ExxonMobil บริษัทบริหารจัดการโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 1 โรงจากทั้งหมด 29 โรงที่มีอยู่ทั่วโลกของ ExxonMobil ปัจจุบันผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย ExxonMobil ในสัดส่วน 66% กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในสัดส่วน 7.3% และนักลงทุนทั่วไป 26.7% บริษัทประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) ด้วยกำลังการผลิตสูงสุดที่ 174,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปของไทย บริษัทจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ให้แก่กลุ่มลูกค้าพาณิชย์และจำหน่ายผ่านสถานีบริการในเครือข่าย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 มีสถานีบริการน้ำมันที่บริหารงานภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่” จำนวน 517 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินการผลิตและจำหน่ายสารอะโรเมติกส์ด้วย โดยบริษัทมีกำลังการผลิตสารพาราไซลีน (Paraxylene — PX) ทั้งสิ้น 500,000 ตันต่อปี ซึ่งโรงงาน PX ดังกล่าวเชื่อมต่อกับโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทเพื่อรับวัตถุดิบสำหรับการผลิต

การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานอะโรเมติกส์ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการเลือกผลิตผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีระหว่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และด้วยเทคโนโลยีและการดำเนินงานตามปรัชญาของ ExxonMobil จึงส่งผลให้โรงกลั่นของบริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและมีหน่วยผลิตที่มีความพร้อมสูงสุดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากขีดความสามารถระดับโลกของ ExxonMobil ในการจัดหาน้ำมันดิบและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วย ในปี 2554 ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทประกอบด้วยน้ำมันดีเซล 34.2% น้ำมันเบนซิน 19.1% รีฟอร์เมต (Reformate) 12.6% น้ำมันเตา 9.9% น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน 8.9% และอื่น ๆ 15.3% ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันนั้น บริษัทเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการรายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก ปตท. โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่จัดจำหน่ายผ่านสถานีบริการประมาณ 15%-18% ด้วยยอดขายจำนวน 2,500-3,000 ล้านลิตรต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 80.0% เพิ่มขึ้นจากระดับ 69.8% ในช่วงเดียวกันของปี 2554 อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับเพิ่มขึ้นหลังจากบริษัทหยุดโรงกลั่นเพื่อซ่อมบำรุงและต่อเชื่อมกับระบบของโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (EURO IV Project) ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 แม้ว่ากำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทจะเพิ่มขึ้น แต่การผลิต PX ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 กลับลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหลือเพียง 267,000 ตัน ทั้งนี้ เนื่องจากอัตรากำไรของ PX อยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 เป็น 184,307 ล้านบาทเนื่องจากผลของราคาน้ำมันและปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยอดขาย 89.9% มาจากธุรกิจการกลั่นและจัดจำหน่ายน้ำมัน ส่วนอีก 10.1% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของบริษัทลดลงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ทั้งนี้ ค่าการกลั่นของบริษัทลดลงจาก 5.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 เหลือ 3.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ซึ่งสะท้อนถึงราคาน้ำมันที่ผันผวนเป็นอย่างมากในช่วงดังกล่าว ธุรกิจปิโตรเคมียังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์หลายชนิดมีราคาลดลง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ใช้ PX เป็นวัตถุดิบขั้นปฐมภูมิ บริษัทจึงมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 19 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2555

ฐานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงเล็กน้อยในช่วงปี 2554-2555 โดย ณ เดือนกันยายน 2555 บริษัทมีเงินกู้รวม 33,816 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 58.0% ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะดีขึ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่หลังจากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง (Euro IV Project) ดำเนินการแล้วเสร็จ นอกจากนี้ บริษัทยังมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งจากการมีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจำนวน 54,000 ล้านบาทจากกลุ่มบริษัท ExxonMobil ซึ่งจะช่วยรองรับความผันผวนของราคาสินค้าทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีให้แก่บริษัทได้

บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version