นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่า “บริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจเนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 และการมุ่งมั่นในการพัฒนาทีมขายที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ส่งผลให้มีผลประกอบการรวมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเป้าที่ตั้งไว้เมื่อปีที่ผ่านมาที่ 16,500 ล้านบาท โดยทางเซ็นจูรี่ฯสามารถทำยอดขายรวมทั้งปีได้ทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบเป็นอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 118% หรือโตทะลุเป้าที่วางไว้ถึง 18% สำหรับรายได้หลักจะมาจากการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง13,200 ล้านบาท จากเป้าเดิม 7,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 76% และการบริหารจัดการโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์อีก 6,800 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นตัวเลขผลประกอบการในปี 2555 เป็นยอดรวมทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีนี้นั้น บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นในการเพิ่มจำนวนทีมขายที่แข็งแกร่ง และการเปิดสาขา แฟรนไชส์ (Franchise) ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีถึง 50 สาขาภายในปี 2556 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯเป็นแบรนด์แรกในเมืองไทยที่มีสาขาแฟรนไชส์มากที่สุด และจะส่งผลให้สามารถบริหารจัดการโครงการได้หลากหลายช่องทาง ตลอดจนสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านทางแฟรนไชส์ที่กระจายอยู่ทั้งในเขตกรุงเทพและต่างจังหวัด ทั้งนี้ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2556 บริษัทฯจะมียอดขายรวม 18,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น ส่วนของการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 13,000 ล้านบาทและการบริหารจัดการโครงการ 6,000 ล้านบาท
นอกจากนี้นายกิติศักดิ์ ยังคาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 ว่าจะมีการขยายตัวมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะกระจายไปยังหัวเมืองต่างๆและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนและกระตุ้นให้การพัฒนาด้านอสังหาฯในปี 2556 ไปจนถึงอีก 5 ปีข้างหน้าให้มีสีสันมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น คาดว่าในปีนี้จะมีการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆไปตามหัวเมืองใหญ่ และแหล่งชุมชน เช่น เชียงใหม่ อุดร ขอนแก่น โคราช ชลบุรี ศรีราชา สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ โดยประเภทของโครงการส่วนใหญ่จะเน้นพัฒนาโครงการแนวสูงหรือ คอนโดมิเนียมมากกว่าโครงการแนวราบ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในเมือง นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าราคาที่ดินตามจังหวัดดังกล่าวจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีก 10-15% อีกด้วย
ส่วนด้านการซื้อขายที่ดินในเขตกรุงเทพและปริมณฑลนั้นทางเซ็นจูรี่ 21ฯ คาดว่าการพัฒนาโครงการคอนโดในเขต CBD และตามแนวรถไฟฟ้าจะมีให้เห็นน้อยลง จากปัจจัยด้านราคาที่ดินที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นถึง 20-30% ในปีนี้ เนื่องจากที่ดินในทำเลดังกล่าวมีเหลือในจำนวนจำกัด ดังนั้นในปีนี้จะเห็นการพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมตามเขตที่เป็นทำเลรองในกรุงเทพมากขึ้น เช่น ในเขต บรรทัดทอง สุขสวัสดิ์ เซนต์หลุยส์ เจิญราษฎร์ เพราะเป็นแหล่งชุมชนที่มีธุรกิจการค้าและในเขตปริมณฑลที่มีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆมากขึ้นเนื่องจากที่ดินมีราคาต่ำกว่าในเขตทำเลหลักเป็นเท่าตัว และผู้ประกอบการเริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น