นายณัฐบูร และนายณัฐพล ไตรณัฐี ผู้จัดงานเทศกาลเพื่อคนที่หลงใหลรถจักรยานยนต์ “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2013” จัด โดยใช้พื้นที่ภายในและหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิล์ด (ราชประสงค์) เป็นพื้นที่เกือบ 20,000 ตารางเมตรเพื่อใช้ในการจัดแสดง และใช้งบประมาณในการจัดงานกว่า 15 ล้านบาท จัดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fuel of Life หรือ เชื้อเพลิงแห่งชีวิต” เพื่อสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนนอกเหนือจากการใช้ชีวิตไปกับการทำงานแล้ว การพักผ่อนถือเป็นการเติมพลังให้ทุกคนมีชีวิตชีวาในการดำรงชีพอย่างมีความสุข โดยเฉพาะคนรักมอเตอร์ไซค์สามารถนำมอเตอร์ไซค์มาใช้ในการพักผ่อนเพื่อเติม “เชื้อเพลิงแห่งชีวิต” เปิดเผยว่า จากความสำเร็จการจัดงาน 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นยอดขายมอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์ของแต่งและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ผนวกกับความต้องการตลาดที่มีสูง และการเติบโตแบบก้าวกระโดดของวงการรถบิ๊กไบค์เมืองไทยในปัจจุบัน มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
“ปีนี้มีพื้นที่จัดงานเพิ่มขึ้นจากเดิม 2,500 ตารางเมตร คือบริเวณฮอลล์ชั้น 8 จะโซนการจัดแสดงค่ายรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ต่างๆ รวมถึงเวทีที่ใช้ในการจัดกิจกรรมความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงาน เช่น Vintage Bike ที่จะจัดแสดงมอเตอร์ไซค์โบราณ BMW ของกลุ่ม “Vintage Bike Thailand“ จำนวน 24 คัน แต่ละคันเป็นรถที่หาดูได้ยาก เนื่องจากมีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป เรียกว่าทุกชั้นและเกือบทุกพื้นที่ภายในเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) จะมีรถมอเตอร์ไซค์ตลอดจนถึงอุปกรณ์และสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้คนรักมอเตอร์ไซค์เลือกชมและซื้ออย่างจุใจ ด้วยโปรโมชั่นพิเศษที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น”
ส่วนบริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ จะเนรมิตให้เป็นสนามแข่งขันทักษะขับขี่รถจักรยานยนต์สลาลม “BMF Gymkhana 2013” เปิดให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนและทุกระดับที่สนใจมาลงแข่งขัน ซึ่งคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีทักษะขับขี่แบบจิมคาน่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าตัวเองมีทักษะ เพราะต้องขับขี่ซอกแซกไปมาและไม่ได้ใช้ความเร็วสูงไปตามท้องถนน จึงอยากให้ทุกคนได้สัมผัสมากขึ้น เพียงแค่นำมารถมอเตอร์ไซค์ตนเองเข้ามาลงแข่งที่สนามได้เลย การแข่งขันนี้มุ่งเน้นที่ทักษะขับขี่บนพื้นสนามที่อาจมีความลื่นมากกว่าผิวถนน โดยไม่ต้องใช้ความเร็วหรือมุ่งแต่ชัยชนะและจบการแข่งในเวลาเป็นหลัก
สำหรับข้อกำหนดการแข่งขันมีเพียงแค่การควบคุมรถ โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นหรือสัมผัสไพลอน (กรวยยาง) สามารถคว้าชัยชนะเพื่อรับถ้วยและเงินรางวัล ด้วยความที่ต้องการให้ทุกคนส้มผัสรูปแบบท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง จึงได้ปรับรูปแบบการแข่งขันเป็นรุ่นเครื่องยนต์ต่ำกว่า 150 ซี.ซี. เนื่องจากเป็นรถที่มีผู้ใช้มากที่สุดและเหมาะกับสนามแข่ง โดยทาง M2F และ Fast Bike สองพันธมิตรสำคัญได้สนับสนุนค่าสมัครแก่ผู้สนใจ มั่นใจจะสร้างมาตรฐานและปรากฏการณ์ใหม่ให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตและคนรักมอเตอร์ไซค์อย่างแน่นอน โดยผู้แข่งขันต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป รถที่แข่งขันต้องมีสภาพถูกต้องตามกฎหมายและใส่เครื่องป้องกันครบถ้วน เปิดให้ดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.thailandmotorbikefestival.com
สำหรับค่ายมอเตอร์ไซค์ที่เข้าร่วมงานประกอบด้วย 14 แบรนด์ คือ ฮอนด้า, ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน, ไทรอัมพ์, เคทีเอ็ม, ซูซุกิ, คาวาซากิ, ยามาฮ่า, ไทเกอร์, สตาเลี่ยน, เอ็มวีออกุสต้า, แอลเอ็มแอล, วิคตอรี่, ซีโร่เอ็นจิเนียริ่ง และโพลาริส ขณะเดียวกันยังได้รวบรวมสินค้าสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ไว้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย ตัวแทน, ร้านค้า, ผู้จำหน่ายสินค้าชั้นนำต่างๆ อาทิ อะไหล่, อุปกรณ์ตกแต่ง, อุปกรณ์ป้องกัน, เครื่องแต่งกาย และบริการต่างๆ ที่พร้อมใจมอบโปรโมชั่นโดนใจ ทั้งลดแลกแจกแถมมาให้แฟนรถสองล้อได้เลือกซื้อกันเป็นพิเศษเฉพาะในงาน
“คาดว่าตลอด 5 วันที่จัดงานจะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านคน เนื่องจากทำเลที่ตั้งของงานอยู่ใจกลางเมือง เดินทางได้สะดวกและหลากหลายช่องทาง รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์และติดตามงานนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมงานมีหลากหลายมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนใจรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่มีกลุ่มคนที่ติดตามเพื่อมาเลือกซื้อสินค้า พักผ่อน ทานอาหาร และช่วยเชียร์ให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และชาวต่างชาติที่เดินทางมาช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้าฯ และในบริเวณใกล้เคียง
อีกทั้งปัจจุบันนักขับขี่อาเซียนรู้จักงาน “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล” มากขึ้น ทั้งจากการประชาสัมพันธ์ การเชิญสื่อจากนานาชาติเข้าร่วมงาน และขับรถบิ๊กไบค์ไปตามเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองไทย พร้อมร่วมทำกิจกรรม CSR ด้วยการมอบอุปกรณ์กีฬาและสื่อการเรียนการสอนให้แก่น้องๆ ตามโรงงานที่อยู่ห่างไกลความเจริญ อย่างสิงคโปร์ได้บรรจุงานของ BMF 2013 เข้าไปอยู่ในปฏิทินงานประจำปี รวมถึง Chain โรงแรมใหญ่ๆ นำไปโปรโมทเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจเลือกเข้าพัก เพื่อที่จะได้เข้าชมงานได้สะดวก รวมไปถึงสำนักแต่งรถมอเตอร์ไซค์ในหลายประเทศเริ่มมีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอเข้าร่วมงาน โดยปีนี้มีสำนักแต่งรถจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมโชว์ภายในงานด้วย”
นายณัฐบูร และนายณัฐพล ไตรณัฐี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2556 ถือเป็นปีทองของวงการรถบิ๊กไบค์เมืองไทยอย่างแท้จริง เนื่องจากค่ายมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นทุกค่าย เดินหน้าทำตลาดรถประเภทนี้อย่างจริงจัง โดยนำเข้าและเปิดตัวรถรุ่นใหม่จากหลายค่าย รวมถึงการขึ้นไลน์ผลิตรถบิ๊กไบค์ที่โรงงานผลิตในประเทศไทยและใช้ไทยเป็นศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ประกอบกับมีค่ายรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆ ทั้งจากยุโรป-สหรัฐอเมริกาและเอเชีย เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศทางตะวันตกประสบปัญหาจากวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ต้องมองหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาทดแทน รวมถึงทุกประเทศกำลังสนใจตลาดใหม่อย่างภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพความพร้อมในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ
“ภาพรวมตลาดรถบิ๊กไบค์เมืองไทย (500 ซี.ซี.ขึ้นไป) ปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ในระดับเกือบ 10,000 คัน ทั้งที่จดทะเบียนถูกต้องและไม่ได้จดทะเบียน และจากที่ร่วมพูดคุยและวิเคราะห์กับผู้ประกอบการในวงการ ปี 2556 คาดว่าน่าจะมีปริมาณเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 13,000-14,000 คัน”
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจไว้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้สนใจได้เพลิดเพลินและสัมผัสบรรยากาศงานแสดงรถบิ๊กไบค์อย่างจุใจ ทั้งโซนจัดแสดงรถคัสตอมไบค์, โซน Motorcycle Club, การประกวดตกแต่งมอเตอร์ไซค์จากค่ายรถและสำนักแต่งรถต่างๆ, ทอล์คโชว์จากบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการมอเตอร์ไซค์ของเมืองไทย ในช่วงเย็นยังมีบริการลานเบียร์และดนตรีสดบริเวณหน้าศูนย์การค้าให้ได้พบปะสังสรรค์กันอย่างเต็มที่ ตลอดทั้ง 5 วันของการจัดแสดง เรียกได้ว่างานนี้เป็นสวรรค์สำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริง
“แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2013” สุดยอดเทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดระหว่าง 30 มกราคม—3 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรีตลอดงาน