นางสาวสมพิศ เจริญเกียรติกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจกรุงไทย (Krung Thai Business Index) ซึ่งธนาคารได้สำรวจความเชื่อมั่นของนักธุรกิจจากทั่วประเทศต่อเนื่องทุกไตรมาส พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นประจำไตรมาสที่ 4/2555 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.88 ในไตรมาสก่อน เป็นระดับ 55.58 เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยฤดูกาล และแรงกระตุ้นของมาตรการรถคันแรก นอกจากนี้ นักธุรกิจยังเห็นว่า การลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง โครงการบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนเพื่อรองรับ AEC จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในระยะต่อไป โดยคาดว่าในปี 2556 จะมีงบลงทุนภาครัฐรวมกว่า 5 แสนล้านบาท
เมื่อพิจารณาความเชื่อมั่นแยกตามประเภทธุรกิจนั้น ธุรกิจบริการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมากที่สุด ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสื่อสารที่ได้รับปัจจัยบวกจากการออกใบอนุญาต 3G ธุรกิจก่อสร้างมีระดับความเชื่อมั่นสูงสุดที่ 57.72 เนื่องจากได้รับผลดีจากโครงการลงทุนและการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ ขณะที่ธุรกิจอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นลดลงจากความกังวลด้านการส่งออก และต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น
นางสาวสมพิศ เจริญเกียรติกุล กล่าวต่อว่า แม้ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้น แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบย่อย มีบางด้านลดลงสวนทางกับภาพรวม เช่น ด้านตลาดส่งออกลดลง 0.9 จุด ด้านต้นทุนแรงงานลดลงจากไตรมาสก่อนถึง 3.1 จุด สะท้อนให้เห็นว่า นักธุรกิจยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจจะกระทบต่อการส่งออก และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนค่าแรง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ธนาคารกรุงไทยได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อให้ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและช่วยเพิ่มสภาพคล่อง เช่น สินเชื่อ Supply chain solution package สินเชื่อ KTB SMEs Start-up และสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน รวมทั้งธนาคารได้เตรียมแผนเพิ่มองค์ความรู้ในด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่อง AEC ให้กับลูกค้าและผู้ประกอบการที่สนใจอีกด้วย
ฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์
โทร. 0-2208-4174-7