นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการของธนาคารในปี 2555 เปรียบเทียบกับปี 2554 ว่าธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 46,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,243 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.18 หลังหักสำรองหนี้สูญ ขาดทุนจากการด้อยค่าและภาษีเงินได้ ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 23,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,539 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.40 ทั้งนี้ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 10,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,344 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.18 ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของบริษัทในเครือ และการเพิ่มขึ้นของกำไรจากธุรกรรมเพื่อการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
ผลประกอบการที่สูงกว่าเป้าหมายและโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารจึงได้พิจารณากันสำรองหนี้สูญฯ ในไตรมาสที่ 4 อีกจำนวน 9,000 ล้านบาท นอกเหนือจากสำรองหนี้สูญฯ ตามปกติจำนวน 500 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้ธนาคารมีการกันสำรองฯรวมจำนวน 15,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,618 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.95 จากปี 2554 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ความระมัดระวัง เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ณ 31 ธันวาคม 2555 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ 1,525,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102,069 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.17 มีเงินฝาก 1,666,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 381,571 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.69 จากสิ้นปี 2554 ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) จำนวน 59,516 ล้านบาท ลดลง 4,669 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs Ratio) ลดลงจากร้อยละ 2.25 เหลือร้อยละ 1.76
นายวรภัค ธันยาวงษ์ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2555 ธนาคารได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 14,401 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 72,005 ล้านบาท ส่งผลให้เงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นเป็น 164,088 ล้านบาท และเงินกองทุนรวมเท่ากับ 263,707 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 16.34 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามเกณฑ์ความเสี่ยง ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าว ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารและสามารถรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต
ฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์
โทร. 0-2208-4174-7