นอกจากการขยายร้านค้าและจุดขายแล้ว ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเตรียมที่จะเปิดแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ "แม็ค พิงค์" ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์ต่อไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ทั้งวัยรุ่นและคนทำงานวัยหนุ่มสาว สำหรับเสื้อผ้าสไตล์พร้อมใส่ (Ready to wear) และถือเป็นขยายฐานการตลาดให้กว้างขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 40% รวมถึงเป็นผู้นำตลาด ทั้งในแง่ของยอดขายจำนวนกางเกงยีนส์ต่อตัวและ จำนวนร้านค้าปลีกและจุดขาย ซึ่งในขณะนี้ถือได้ว่าบริษัทฯ เป็นอันดับ 1 ในเรื่องดังกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทปีที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทฯ ส่วนใหญ่มาจากเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์สโตร์ประมาณ 75% และ จากร้านค้าปลีกของบริษัท 25% จากการที่บริษัทฯ เปิดร้านและจุดขายใหม่ประมาณ 57 แห่ง ทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัทมีจุดขายในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์สโตร์ 391 แห่ง และมีร้านค้าปลีกรวมทั้งสิ้น 118 ร้าน ส่งผลให้ยอดขายในส่วนของเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์สโตร์โต 27% และยอดขายของร้านค้าปลีกเติบโต 80%
“การเติบโตของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วง 3 ปีย้อนหลังบริษัทฯ มีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งทั้งฐานะทางการเงินและความมั่นคงของบริษัท ประกอบกับมีผู้บริหารมืออาชีพอย่างคุณปรารถนา มงคลกุล เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและประธานกรรมการบริหาร ซึ่งได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทมากยิ่งขึ้น และจะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต” นางสาวสุณี กล่าว
นางสาวสุณี กล่าวต่อว่า ในแง่ของการขยายแม็คยีนส์ไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้านสำหรับการเตรียมตัวเพื่อเปิดรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนการศึกษาที่จะขยายการค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ และขณะนี้แม็คยีนส์ก็ได้เริ่มบุกตลาดเข้าไปในประเทศพม่า โดยการแต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่าย (ดิสทริบิวเตอร์) ในประเทศพม่า และเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปีที่ผ่านมา
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมเชื่อว่าการแข่งขันในปีนี้ยังคงสูง เนื่องจากตลาดแฟชั่นเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ โดยในส่วนของกางเกงยีนส์ที่เป็นยี่ห้อกางเกงยีนส์จริงๆ ก็มีหลากหลายทั้งแบรนด์ที่ผลิตโดยคนไทยหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ยังไม่นับรวมถึงแบรนด์ดังๆ จากต่างชาติที่ทยอยเข้ามาเปิดสาขาในไทย ทั้งจากของอังกฤษ สวีเดน หรือสเปน เป็นต้น แต่ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงได้ในอนาคต ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่แม็ค ยีนส์เป็นกางเกงยีนส์อยู่คู่ตลาดมานานกว่า 38 ปี แสดงถึงความมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างดี อีกทั้งบริษัทฯ เองก็มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งในด้านของตัวสินค้าและคุณภาพอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มีความทันสมัยในราคาที่เหมาะสม ประกอบกับการบริหารตลาดเชิงรุกทั้งในแง่ของการขยายสาขาและการเปิดตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างไม่หยุดยั้งทำให้มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และเกื้อหนุนการเติบโตของบริษัทฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและเตรียมความพร้อมต่างๆ โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน