นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2555 ที่ผ่านมาว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย ซึ่งผลประกอบการโดยรวมเติบโตทุกด้านเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 1,248 ล้านบาท เติบโตถึง 52% เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มียอดเบี้ยรับรวมที 820 ล้านบาท ขณะที่เบี้ยรับใหม่ปีแรกเติบโตสูงถึง 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 347 ล้านบาท โดยเบี้ยรับรวมของบริษัทเติบโตมากกว่าทั้งอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 18% อีกทั้งผลการดำเนินงานด้านกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาสในปี 2555
“จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการที่เอไลฟ์มีการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดนใจ อีกทั้งผลตอบแทนที่นำเสนอยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมในตลาด รวมถึงการมีทีมที่ปรึกษาด้านการวางแผนการเงินที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด” นายเชาว์พันธุ์ กล่าว
ขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้นของกรมธรรม์ จำนวนลูกค้า และ ค่าเบี้ยประกันภัยเฉลี่ยโดยรวมต่อกรมธรรม์ในปี 2555 อยู่ที่ 600,000 บาทต่อกรมธรรม์ เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ 450,000 บาทต่อกรมธรรม์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการวางแผนการเงินด้วยการออมผ่านประกันชีวิตเริ่มเข้ามามีบทบาท และเป็นที่นิยมของคนออมมากขึ้น นอกจากการฝากเงินตามสถาบันการเงินทั่วไป เนื่องจากการออมเงินผ่านประกันชีวิตนอกจากจะได้รับความคุ้มครองแล้ว ผลตอบแทนที่ได้รับยังอยู่ในระดับที่สูง และผลตอบแทนยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
สำหรับแผนในการดำเนินงานในปี 2556 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตเบี้ยรับรวมไว้ที่ 2,500 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 100% จากปี 2555 ที่มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 1,248 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการพัฒนาช่องทางการให้บริการ ผลิตภัณฑ์ ผลตอบแทน เจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์มากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ระดับ B+ ขึ้นไป ในทุกสาขาอาชีพ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่จะขยายตัวไม่น้อยกว่า 4-5% อีกทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลงหรือคงที่ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ ที่บริษัทมีความเข้าใจและชำนาญ ที่เน้นการออมและคุ้มครอง ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
“ในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นช่องทางการขายผ่านที่ปรึกษาทางการเงินเป็นหลัก ให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการยิ่งขึ้น โดยเตรียมวางระบบการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของทีมที่ปรึกษาทางการเงิน(Wealth Assistant) ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ด้วยการฝึกอบรมและสอบใบอนุญาต ทั้งด้านประกันและ single license เพื่อสามารถนำเสนอขายกองทุนรวมต่างๆ เนื่องจากปัจจุบัน เอไลฟ์ ได้รับใบอนุญาต หรือ ไลเซ่นส์ LBDU จาก กลต.ด้วย อีกทั้งบริษัทมีการพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่โดนใจและโดดเด่น ซึ่งทำให้ฐานลูกค้าผ่าน เอ ไลฟ์ แพลน ( A-life Plan ) ก้าวเติบโตมากขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งในปีนี้บริษัทจะมีการเพิ่มสัดส่วนของทีมเทเลมาร์เก็ตติ้งเป็น 300 คน และทีมที่ปรึกษาทางการเงิน (Wealth Assistant) อีกจำนวน 40 คน เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย” นายเชาว์พันธุ์ กล่าว