ท่านอิเคดะย้ำถึงความสำคัญของศักดิ์ศรีของชีวิต การปลดอาวุธนิวเคลียร์ การจัดการกับความยากไร้ในฐานะปัญหาสิทธิมนุษยชน และหนทางต่างๆในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
เพื่อให้การเคารพต่อศักดิ์ศรีของชีวิตกลายเป็นรูปธรรม ท่านอิเคดะได้เสนอแนวทางกว้างๆ 3 ประการ ได้แก่ การแบ่งปันสุขและทุกข์กับผู้อื่น การมีศรัทธาในความเป็นไปได้อันไร้ขอบเขตของชีวิต รวมถึงการปกป้องและให้เกียรติความแตกต่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านอิเคดะได้กล่าวย้ำว่าการเจรจาและการมองย้อนมาที่ตนเองเป็นวิธีที่ทำให้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้นและช่วยบ่มเพาะวัฒนธรรมแห่งสันติ ท่านอิเคดะกล่าวว่า เพราะมนุษย์มีธรรมชาติอันซับซ้อน “จึงมีความเป็นไปได้เสมอที่จะค้นพบจุดร่วมระหว่างบุคคลซึ่งสร้างความพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย”
สำหรับในแง่ของมาตรการที่เป็นรูปธรรม ท่านอิเคดะเห็นด้วยกับนอร์เวย์และสวิตเซอร์แลนด์ที่พยายามแสดงให้เห็นว่าอาวุธนิวเคลียร์อาจส่งผลกระทบอันเลวร้ายในด้านมนุษยธรรม และเรียกร้องให้ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่เคยถูกทำลายล้างด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ให้การสนับสนุนความพยายามนี้ ท่านอิเคดะยังเรียกร้องให้มีการร่างและบังคับใช้ข้อตกลงว่าด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Weapons Convention) เพื่อคว่ำบาตรการใช้อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงชนิดนี้ นอกจากนั้นยังเสนอว่าการประชุมสุดยอดจี8 ควรจัดที่ฮิโรชิม่าหรือนางาซากิในปีพ.ศ.2558 ซึ่งครบรอบ 70 ปีของเหตุการณ์ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองสองเมืองนี้ เพื่อผลักดันให้มีการทบทวนปณิธานการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในหมู่ผู้นำของโลก
ด้วยปีนี้เป็นวาระครบรอบ 65 ปีของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ท่านอิเคดะจึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนใจปัญหาความยากไร้ในฐานะปัญหาสิทธิมนุษยชน ท่านอิเคดะเรียกร้องให้ทุกประเทศใช้ระบบคุ้มครองสิทธิทางสังคมขั้นพื้นฐาน (Social Protection Floor) เพื่อเรียกศักดิ์ศรีคืนให้กับผู้ยากไร้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในระดับโลก
ในฐานะผู้สนับสนุนความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นมาตลอดระยะเวลา 45 ปี ท่านอิเคดะรู้สึกเสียใจที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศย่ำแย่ลงในระยะหลัง แต่ก็ยังไม่มองโลกในแง่ร้าย เพราะเชื่อว่าทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ซึ่งพัฒนาขึ้นจากการแลกเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างนับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาหลายปี พร้อมกันนี้ ท่านอิเคดะได้เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศให้คำมั่นอีกครั้งตามที่เคยให้ไว้ในสนธิสัญญาสันติภาพและมิตรภาพปีพ.ศ.2521 นั่นคือ การงดใช้หรือข่มขู่ด้วยกองกำลัง และการไม่ใช้อำนาจครอบงำภูมิภาค
ท่านอิเคดะยังเสนอให้จัดการประชุมระดับสูงระหว่างจีนและญี่ปุ่น ร่วมกับการหยุดกระทำการใดๆซึ่งเป็นการยั่วยุ ขณะเดียวกันการพยายามวิเคราะห์ต้นตอของปัญหาการเผชิญหน้าในตอนนี้อย่างตรงไปตรงมาอาจทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างรุนแรง แต่ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ทราบถึงความกังวลและความปรารถนาลึกๆของทั้งสองฝ่าย การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้เกิดขึ้นอีกครั้งจะสำเร็จก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายพยายามแก้ปัญหาพื้นฐาน ดังนั้นท่านอิเคดะจึงเสนอให้จีนและญี่ปุ่นตั้งองค์กรเพื่อความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในเอเชียตะวันออก ซึ่งองค์กรนี้จะ “เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวจากจีนและญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน”
ไดซากุ อิเคดะ (พ.ศ.2471-ปัจจุบัน) เป็นนักพุทธปรัชญา นักประพันธ์ และนักสร้างสันติภาพ ท่านอิเคดะเป็นประธานสมาคมพุทธศาสนาโซคา งักไก อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ เอสจีไอ ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิก 12 ล้านคนทั่วโลก และเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันโทดะเพื่อสันติภาพโลกและการวิจัยนโยบาย (Toda Institute for Global Peace and Policy Research) และมหาวิทยาลัยโซคา (Soka University) ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2526 ท่านอิเคดะได้เผยแพร่ข้อเสนอเพื่อสันติภาพในวันที่ 26 มกราคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันก่อตั้งสมาคมเอสจีไอ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2518
แหล่งข่าว: โซคา งักไก อินเตอร์เนชั่นแนล
ติดต่อ :
โจน แอนเดอร์สัน (Joan Anderson)
สำนักงานข้อมูลสาธารณะ
โซคา งักไก อินเตอร์เนชั่นแนล
โทรศัพท์: +81-80-5957-4711
โทรสาร: +81-3-5360-9885
อีเมล: janderson[at]sgi.gr.jp
AsiaNet 51926