โดยจากการประชุมของคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ที่มี นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้มีมติให้ขยายเวลาการรับสมัครบุคคลเข้ารับเลือกเป็นเลขาธิการสพฉ. เพิ่มเติมอีก เพื่อให้ผู้สนใจได้รับรู้อย่างทั่วถึง โดยผู้ที่สนใจสามารถขอใบสมัครและยื่นสมัครด้วยตนเองที่กลุ่มงานนิติการ อาคารสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.emit.go.thตั้งแต่ วันที่ 11-15 ก.พ. พ.ศ.2556 ในวันและเวลาราชการ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-872-1669 จากนั้นคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือคณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง จะพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศจากใบสมัคร และจะเชิญผู้สมัครมาแสดงวิสัยทัศน์และสัมภาษณ์ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์เหมาะสมที่จะเป็นเลขาธิการ สพฉ.ต่อไป ในการนี้จะมีการคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. เป็นต้นไป โดยคณะอนุกรรมการคัดเลือกเลขาธิการ สพฉ. จะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกและเสนอผู้ผ่านการคัดเลือกไม่น้อยกว่า 3 คน เว้นแต่จะมีผู้สมัครไม่ถึง 3 คน ให้คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) เป็นผู้คัดเลือกผู้ใดผู้หนึ่งเป็นเลขาธิการ สพฉ.ต่อไป
ด้าน นายแพทย์ จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ หนึ่งในคณะอนุกรรมการคัดเลือกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกจะพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครทั้งหมดโดยยึดตามมาตรตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ที่ระบุว่า ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป แต่ต้องไม่เกิน 60 ปี ไม่เป็นบุคลวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ไม่เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลให้จำคุก หรือยึดทรัพย์จากการทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ ยกเว้นเป็นความผิดโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ต้องไม่เป็นผู้บริหาร พนักงานของรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ที่มีเงินเดือนประจำ รวมทั้งต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง นักการเมือง ส.ส. ส.ว.ผู้บริหารท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่น ต้องไม่เคยถูกไล่ออก ปลดจากตำแหน่งเพราะทุจริต โดยบุคคลที่จะได้รับคัดเลือกให้เข้ามาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินจะต้องมีความรอบรู้เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน มีความสามารถสูงในการบริหารจัดการ การวางแผนกลยุทธ์เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาด้านการแพทย์ฉุกเฉินต่อไป รวมทั้งต้องเป็นผู้ที่มีความเสียสละ และพร้อมอุทิศตนในการทำงานได้ตลอดเวลา