“คณะกรรมการและฝ่ายจัดการได้ร่วมกันวิเคราะห์ถึงสถานการณ์และปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจ รวมถึงทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กร เพื่อวางแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของ TTA และเราได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงทุนอย่างคุ้มค่าในธุรกิจหลักของ TTA ซึ่งเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกับเราว่า การเพิ่มทุนคือหนทางที่จะทำให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่าน และขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นที่ตัดสินใจร่วมลงทุนกับอนาคตของ TTA เพราะมองเห็นถึงโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจในโอกาสนี้” นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ กล่าว
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการและผู้ถือหุ้นของ TTA กล่าวเสริมว่า “โครงสร้างของแผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จในอนาคตของ TTA และผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ในวันนี้ ที่เทคะแนนสนับสนุนให้แผนการลงทุนของเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยรอบด้านแล้ว ไม่มีช่วงเวลาอื่นใดที่จะเหมาะสมเท่ากับตอนนี้อีกแล้ว สำหรับการลงทุนเพื่อความเติบโต และผมมั่นใจว่า กลยุทธ์การลงทุนที่คณะกรรมการและฝ่ายจัดการได้ร่วมกันวางแผน จะสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับบริษัท และผู้ถือหุ้นทุกท่าน”
ทั้งนี้ แผนการเพิ่มทุนของ TTA ได้รับเสียงสนับสนุนสูงถึง 95.4028% จากผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม โดยในแผนดังกล่าว ผู้ถือหุ้นจะได้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ในราคา 14 บาท พร้อมรับฟรีใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้น (วอร์แรนต์) ในอัตรา 2 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ ซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิ์แปลงวอร์แรนต์เป็นหุ้นสามัญได้ในราคา 17 บาทต่อหุ้น ซึ่งระยะเวลาในการเปิดให้จองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิ คือ ระหว่างวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งหากมีหุ้นเพิ่มทุนเหลือจากการจองสิทธิ บริษัทฯ จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถจองหุ้นเกินสิทธิ์ได้ในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่า 0.5 เท่าของหุ้นเดิม ในราคา 14 บาทเช่นเดิม ส่วนในกรณีที่ยังคงมีหุ้นเพิ่มทุนเหลือจากการจองเกินสิทธิ บริษัทฯ จะดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะรายในวงจำกัด ในแบบคราวเดียวหรือหลายคราว
บริษัทฯ คาดว่าแผนการเพิ่มทุนข้างต้นนี้จะสามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในขั้นต้นได้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,965 ล้านบาท และจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์เพิ่มอีกจำนวน 2,407 ล้านบาทในอีก 2 ปีครึ่งข้างหน้า โดยคิดเป็นยอดเงินในการะดมทุนรวมทั้งสิ้น 6,372 ล้านบาท
เงินทุนทั้งหมดนี้จะถูกนำไปใช้ลงทุนซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ทั้งแบบสั่งต่อใหม่และแบบมือสองเพิ่ม เนื่องจากราคาเรือประเภท Supramax ที่มีอายุ 5 ปีนั้น ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีหลังถึง 30% หรือกว่า 70% เมื่อเทียบกับราคาในปี 2551 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของตลาดขนส่งสินค้าแห้งเทกองในวงจรหลังสุด ส่วนเรือ Supramax ต่อใหม่นั้น ก็มีราคาในปัจจุบันอยู่ระหว่าง 24-27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบ 10 ปีหลังอยู่ 20% ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2555 ที่ผ่านมา โทรีเซน ชิปปิ้งสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีได้ถึง 118 ล้านบาท และยังมีประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายและการสร้างรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด แม้จะต้องเผชิญกับสภาวะตกต่ำของตลาดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังคงค้นหาจังหวะที่เหมาะสมในการรักษากองเรือขุดเจาะท้องแบนของเมอร์เมดไว้ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ เมอร์เมดได้รับสัญญาจ้างงานหลายสัญญา และมีรายได้รอรับรู้ รวมถึงแนวโน้มของลูกค้าที่แสดงความสนใจในตัวเรือใหม่ที่มีความทันสมัยมากกว่าอีกด้วย โดยในขณะนี้ เรือขุดเจาะท้องแบนที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีนั้น มีอัตราการใช้งานสูงเกือบ 100% และยังมีรายได้เฉลี่ยต่อวันสูงถึง 120,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย นอกจากนี้ ผลประกอบการที่โดดเด่นของเมอร์เมดในปีงบประมาณ 2555 ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเซ็นสัญญารับงานตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาแท่นขุดเจาะน้ำมัน ผ่านทางกิจการร่วมค้า มูลค่า 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นเวลา 5 ปี เมื่อเดือนตุลาคม 2555 ในขณะที่บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง จำกัด (“AOD”) ซึ่งเมอร์เมดถือหุ้นอยู่ 33.75% นั้น ก็ได้ลงนามในสัญญาฉบับแรกสำหรับเรือขุดเจาะสามขาสมรรถนะสูงลำที่หนึ่งจากจำนวนทั้งหมดสามลำ เป็นมูลค่าถึง 236.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมระยะเวลา 3 ปี สัญญาทั้งสองฉบับนี้เปิดโอกาสให้เมอร์เมดได้ร่วมงานกับบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของเมอร์เมดในการขยายธุรกิจออกนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างภูมิภาคตะวันออกกลาง
“ธุรกิจหลักของ TTA ทั้งสองส่วน ไม่ว่าจะเป็นโทรีเซน ชิปปิ้งหรือเมอร์เมด ต่างก็ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการทำธุรกิจไปไม่น้อยตลอดระยะเวลา 12-18 เดือนทีผ่านมา อันเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ ทั้งในด้านการขยายธุรกิจและการสร้างผลกำไร ซึ่งเมื่อประกอบกับความสำเร็จในการเพิ่มทุนวันนี้ จะทำให้ TTA มีโอกาสในการขยายและสร้างความเติบโตให้กับผลกำไรอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะส่งผลให้ผลงานของ TTA ปรับตัวดีขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้านี้” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ กล่าว
การแต่งตั้งกรรมการบริษัท
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้น TTA ยังได้ลงมติอนุมัติให้มีการแต่งตั้งนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ และนาย โมฮัมเหม็ด บิน ราเช็ด บิน อาหมัด บิน มุฟทาห์ อัล นาสเซอรี ขึ้นเป็นกรรมการบริษัท แทนที่ ดร. พิชิต นิธิวาสิน และนายปีเตอร์ จอร์จ ชาร์ลส์ แอนดรูว์ สโตคส์ ที่หมดวาระ และแต่งตั้งให้นาย กานิม ซาอัด เอ็ม. อัลซาอัด อัล-คูวารี ดำรงตำแหน่งกรรมการต่อไปอีกหนึ่งวาระ
นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงานในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ นายเชิดพงษ์เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม และปลัดกระทรวงพลังงานมาแล้ว สำหรับในภาคเอกชนนั้น นายเชิดพงษ์เคยเป็นประธานกรรมการให้กับบริษัทมหาชนหลายแห่งรวมถึงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ด้วย โดยในปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตรวจสอบและประธานกรรมการธรรมาภิบาลของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) อีกด้วย นายเชิดพงษ์สำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ส่วนนายโมฮัมเหม็ด บิน ราเช็ด บิน อาหมัด บิน มุฟทาห์ อัล นาสเซอรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หลายตำแหน่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอธิบดีสำนักนายกรัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวงประจำสำนักมกุฎราชกุมารแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทให้แก่ธนาคารยูเนียน เนชั่นแนล อาบู ดาบี บริษัทประกันภัยเอมิเรตส์ บริษัทการเงินอัลวิฟาค และบริษัทเนชั่นแนล อินเวสเตอร์ มร. อัล นาสเซอรีสำเร็จการศึกษาในสาขานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอมิเรตส์
นายกานิม ซาอัด เอ็ม. อัลซาอัด อัล-คูวารี ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสมัยแรกในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2555 ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการของบริษัทบาร์วา เรียลเอสเตท และกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกาตาร์ ดิอาร์ เรียลเอสเตท อินเวสท์เมนท์ ทั้งยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการให้แก่บริษัททั้งในกาตาร์และทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทกาตาร์ โปรเจกท์ แมเนจเมนท์ ธนาคารบาร์วา บริษัทอัล อิมเทียส อินเวสท์เมนท์ บริษัทอายาน เรียลเอสเตท สถาบันอัล จาซีรา และบริษัทอัล ริทาจ อินเวสท์เมนท์ มร. อัล-คูวารีสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเคนท์ สหราชอาณาจักร และปริญญาตรี สาขาสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยกาตาร์
“ในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณ ดร. พิชิต นิธิวาสิน และนายปีเตอร์ สโตคส์ กับความทุ่มเทที่มีให้กับ TTA ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ และขอให้ท่านประสบความสำเร็จกับภารกิจอื่นๆ ในอนาคต” นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กล่าว “การลงมติแต่งตั้งกรรมการบริหารทั้ง 3 ท่านในโอกาสนี้ จะช่วยเสริมสร้างให้ศักยภาพของกลุ่ม TTA ในการดำเนินธุรกิจพลังงาน และการขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งถือว่าเป็นภูมิภาคที่สำคัญมาก หลังจากที่เมอร์เมดได้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจในประเทศกาตาร์และซาอุดิอาระเบียมาแล้ว ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้ความสามารถของกรรมการใหม่ทุกท่านจะช่วยให้บริษัทสามารถคว้าโอกาสในการเติบโตไว้ได้ ท่ามกลางสภาวะขาขึ้นในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ”
การจ่ายเงินปันผล
เมื่อนำเอาแผนการเพิ่มทุนมาพิจารณาเป็นปัจจัยแล้ว ผู้ถือหุ้นจึงลงมติสนับสนุนข้อเสนอของคณะกรรมการบริษัทในการไม่จ่ายเงินปันผลประจำปีงบประมาณ 2555
เกี่ยวกับ TTA
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจอย่างสมดุลและหลากหลาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจขนส่ง กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ TTA ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน (บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria)