“ช่วงปลายปี 2555 ที่ผ่านมาเกษตรกรต้องประสบกับภาวะโรคอย่างหนัก ทั้งโรค PRRS ที่ทำให้แม่หมูแท้งช่วงปลายการอุ้มท้อง ทำให้อัตราเข้าคลอดลดลงเหลือเพียง 70-75% จากปกติที่ 85% ส่วนลูกหมูที่เกิดจากแม่เป็นโรคก็จะอ่อนแอ การเจริญเติบโตต่ำ และเสียหายก่อนหย่านมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีโรค PED ที่สร้างความเสียหายให้กับลูกหมูอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออากาศแปรปรวนทั้งฝนและหนาวสลับกันในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งกระทบให้ภาวะโรครุนแรงขึ้น ส่งผลให้ช่วงนี้หมูหน้าฟาร์มลดจำนวนลง เกษตรกรต้องขายหมูตัวเล็กลงที่ 102-103 กิโลกรัม จากก่อนหน้าขายหมูที่ 107-108 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามราคาที่ปรับขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ที่จริงแล้วเกษตรกรเพิ่งจะขายได้ราคาเกินทุนมาเพียงไม่ถึง 10 วัน จากต้นทุนเฉลี่ยปี 2555 ที่ 61-63 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต้องแบกรับภาระขาดทุนเช่นนี้มาตลอดเป็นเวลาร่วมปี”
ที่ผ่านมาสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมมือกับเกษตรกรในการควบคุมการผลิตหมูให้สมดุลย์กับการบริโภคหากแต่ภาวะโรคที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณสุกรลดลง ขณะที่เกษตรกรหลายรายไม่สามารถแบกรับภาระขาดทุนได้ และขาดสภาพคล่อง จึงจำเป็นต้องเลิกเลี้ยงไป ยิ่งทำให้ปริมาณหมูเนื้อลดลงไปอีก
“ก่อนนี้ผู้เลี้ยงหมูต่างต้องแก้ปัญหาขาดทุนกันเองมาตลอดโดยไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ วันนี้ราคาเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลที่ดีมานด์กับซัพพลายไม่สมดุลย์ จึงวอนขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องไม่ลืมว่าผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคเนื้อสัตว์ แต่ผู้เลี้ยงหมูมีเพียงอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงครอบครัว”