2.ไขมันพุ่ง เรื่องยุ่งๆที่เกิดตามมาของการกินของมันๆและเนื้อหมู,เป็ด,ไก่มากจนเกินไปก็คือ “ไขมันถามหา” ไขมันที่อยู่ในเลือดชนิด “โคเลสเตอรอล” อาจพุ่งขึ้นมา ข้อเสียของไขมันที่สูงคืออาจเกิดความเสี่ยงอุดตันหลอดเลือดได้และตัวอณูไขมันไปทำให้ผิวชั้นในของหลอดเลือดอักเสบเสื่อมลงง่ายขึ้นเป็นต้นเหตุนำไปสู่เรื่องของ “โรคอ้วนลงพุงมฤตยู (Metabolic syndrome)” , “ความดันโลหิตสูง”, “โรคหลอดเลือดหัวใจ” และ “อัมพฤกษ์-อัมพาต” ได้ 3.น้ำตาลในเลือดสูง ภาวะน้ำตาลขึ้นในกระแสเลือดมาจากทั้งอาหารแป้งและ “ผลไม้” บางอย่างก็ได้เพราะน้ำตาลผลไม้หรือ “ฟรุกโตส” คือตัวร้ายที่ทำให้อายุสั้นลง มีมากในผลไม้สุกงอมและน้ำผลไม้ ท่านที่มีโรคเบาหวานอยู่แล้วอาจต้องระวังให้ดีเพราะมีสิทธิ์น้ำตาลพุ่งถึงขั้น “ช็อก” ได้ ในอาหารหวานที่รับประทานอร่อยแค่ชั่วครั้งชั่วคราวอาจพาให้เกิด “เบาหวานขึ้นตา” และ “เบาหวานตัดแขนตัดขา” ได้ในภายหลัง
4.ความดันขึ้น ความดันโลหิตอาจพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างฉับพลันได้จากความเหนื่อยในการเตรียมงาน,นอนดึก,ตื่นเช้าและที่สำคัญคือเรื่อง “อาหารการกิน” โดยเฉพาะกับของกิน “เค็ม” ที่จะไปกระตุ้นความดันเลือดให้พุ่งสูงขึ้นได้ถึงขั้น “แตก” และกลายเป็น “อัมพาต” ซึ่งเรื่องนี้ท่านสามารถป้องกันได้เอง โดยลดการปรุงและเติมรสเค็มเข้าไป และสุดท้ายคือ กรดไหลย้อน เมื่อไรที่ “กินมาก” และ “กินมัน” กรดไหลย้อนจะเข้ามาถามหาได้ ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคนี้เกี่ยวข้องกับ “รูปร่าง” ที่อวบอ้วนขึ้นมาด้วย โดยผู้ที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่จะบีบให้กรดในกระเพาะ “กระฉอก” ขึ้นไปข้างบนได้ง่ายขึ้นจนทำให้แสบร้อนอกจุกแน่นท้อง ขอให้ลองใช้เทคนิค “กินพอดี”, “ลดมัน” และที่สำคัญคือ “ลดอ้วน” ลงมาบ้าง
นายแพทย์ แนะนำถึง 6 เทคนิคกินตรุษจีนตามสบายสไตล์อายุรวัฒน์คือ 1.ลดกินลดเสี่ยง ยิ่งกินมากก็เสี่ยงมาก สำหรับอาหารตรุษจีนทุกปีที่มักหนักหมู,เป็ด,ไก่และไขมันอิ่มตัวทั้งหลายนั้นการลดลงไปจะช่วยให้ไม่เกิดการอักเสบตามร่างกาย ไม่มีมีคราบไขมันเกาะที่ตับจน “มันจุกตับ” และที่สำคัญคือการกินแบบ “ลดแป้ง” กับ “น้ำตาล” ลงได้มากจะช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉงสร้างโกร๊ทฮอร์โมนได้ดีกว่ามาก รับประทานกำลังพอดี 2.จิบชาล้างไขมัน ภูมิปัญญาคนจีนสมัยเก่าก่อนช่างล้ำลึก เมื่อไหว้ตรุษจีนด้วยของไหว้อันประกอบด้วยเนื้อสัตว์ 3 อย่างหรือ 5 อย่างสุดแล้วแต่ฐานะแล้ว จากนั้นถ้าจะรับประทานอาหารที่อาจมีไขมันสูงกันก็จะมี “ชาจีน” ร้อนๆไว้ให้จิบ เมื่อกินของมันแล้วได้ “เจียะเต๊” ร้อนๆจะได้ “ฟลูออไรด์” ช่วยรักษาฟันแล้วยังมีซุปเปอร์วิตามินชื่อ “โพลีฟีนอล” และสารช่วยปกป้องลำไส้คือ “แทนนิน” การจิบชาที่ดีมีเทคนิคอยู่นิดครับคือ “อย่าให้ร้อนจัด” เกินไปจะลวกปากคอและหลอดอาหารทำให้เสี่ยง “มะเร็งหลอดอาหาร” ได้
3.กินไก่ ลดกินเป็ด สัตว์ปีกทั้ง 2 ชนิดนี้มีปริมาณ “ไขมัน” ต่างกันโดยเนื้อเป็ดมีไขมันมากกว่าเนื้อไก่หลายเท่าตัว สำหรับท่านที่ชอบกินเป็ดขอให้เน้นการรับประทานแบบ “ลดมัน” ลงเช่นเป็ดย่างแบบรีดน้ำมันหรือใช้เทคนิค “ลอกคราบ” อย่างเป็ดพะโล้ก็ลอกหนังออกบ้างจะช่วยให้เป็ดปีนี้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น 4.กินเห็ด ลดทานหมู ผู้ที่ระวังเรื่องไขมันและเน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญนั้น “เห็ด” จะช่วยเป็นคำตอบให้ได้เป็นอย่างดี เพราะเห็ดเป็นอาหารสุขภาพที่รวมวิตามินหลายชนิดไว้ เคี้ยวเข้าไปได้ความรู้สึกหนึบหนับไม่ต่างกับเนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือมีวิตามินบีและเคมีเสริมภูมิคุ้มกันอย่าง “เบต้ากลูแคน” ที่ช่วยไล่ความแก่และโรคหลายๆชนิดออกไปได้ ในการทานนั้นขอให้เน้นเห็ดหลายชนิดรวมกันอย่าง เห็ดหอม,เห็ดหูหนู,เห็ดเข็มทอง,เห็ดฟาง,เห็ดนางฟ้า ฯลฯ ยิ่งรับประทานได้หลายอย่างก็ได้สารอาหารหลากหลาย
5.เพิ่มปลา ลดทานขนม เครื่องไหว้อย่างหนึ่งที่อยากขอแนะให้ใส่เข้าไปด้วยก็คือ “ปลา” ท่านที่รักสุขภาพอาจจัดเป็นเครื่องไหว้ชุด “ปลา” ที่ประกอบด้วยปลาเนื้อมันอย่าง ปลาอินทรีย์,ปลาทู,ปลากุเราหรือจะเป็น “ลูกชิ้นปลา” ก็ได้ซึ่งการเพิ่มปลาหรือกุ้งเข้าไปจะช่วยรบกับ “สนิมแก่” ได้เป็นอย่างดี สุดท้ายคือ เลี่ยงถนอมอาหารโดยการใส่เกลือมาก เรื่องความเค็มเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องจับตาดูให้ดี เพราะในของไหว้มี “ของเค็ม” อยู่หลายสิ่ง อาทิ ขนมเทียนไส้เค็ม,ของรวนอย่างหมู-เป็ด-ไก่ หรือแม้แต่แป้งซาละเปาและขนมถ้วยฟูที่เป็นของหวานใช้ไหว้ก็มีส่วนของธาตุเค็มอย่าง “โซเดียม” ได้ ในส่วนของอาหารเนื้อสัตว์นั้น หากต้องการเก็บไว้นานให้ใช้วิธี “รวน” โดยใส่เกลือและซีอิ๊วน้อยจะปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า
ติดต่อ:
www.tcels.or.th 02-6445499