นายศุภฤกษ์ หงษ์ภักดี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทย ได้เข้าสู่การเป็น “สังคมผู้สูงอายุ” แล้ว โดยในปี ๒๕๕๔ จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มีผู้สูงอายุจำนวน ๘.๐๗ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ของประชากรทั้งประเทศ และในระยะเวลาอีก ๑๘ ปีข้างหน้า หรือในปี ๒๕๗๓ จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น ประมาณ ๑๗ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๒๕ ของประชากรทั้งประเทศ หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย ๔ : ๑ คน ซึ่งอัตราการเจริญเติบโต แบบทวีคูณของจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยนั้น เนื่องจากอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยสูงขึ้น รวมถึงอัตราการเกิดของประชากรไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรสูงอายุ ส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศ เนื่องจากสัดส่วนประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความต้องการแรงงานในระบบเศรษฐกิจในอนาคต การแข่งขันในตลาดแรงงานจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานคุณภาพ ภาครัฐ และครัวเรือน จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในด้านต่างๆ ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณของภาครัฐ และค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในเรื่องสวัสดิการทางสังคมและสุขภาพ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมของประชากร ชุมชน และสังคมของประเทศ ให้สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม
นายศุภฤกษ์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) เป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนมาตรการ แนวทาง และสนับสนุน ส่งเสริมทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และรับผิดชอบดำเนินการตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้จัดเวทีประชุมสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติขึ้น ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓ เพื่อให้ผู้สูงอายุ นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และองค์กรเครือข่ายผู้สูงอายุ ได้ระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ ทั้งนี้ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔—๒๕๕๕ เป็นช่วงระยะเวลาพัฒนารูปแบบการจัดสมัชชาผู้สูงอายุให้เป็นระบบและได้มาตรฐาน และคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติ เพื่อบริหารการประชุมสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติ ให้มีประสิทธิภาพ โดยมีสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นประธาน และสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯได้พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอนโยบายจากภาคีเครือข่ายผู้สูงอายุในพื้นที่ และมีมติเลือกข้อเสนอนโยบาย “การสร้างเสริมสังคมผู้สูงอายุไทยให้มีคุณภาพ” ประกอบด้วย ๔ มิติ คือ ด้านสุขภาพ หัวข้อ“การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค” ด้านเศรษฐกิจ หัวข้อ “การสร้างหลักประกันด้านเศรษฐกิจด้วยระบบบำนาญอย่างบูรณาการ” ด้านสังคม หัวข้อ“การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ” และด้านการศึกษา หัวข้อ“การพัฒนาผู้สูงอายุด้านการศึกษาตลอดชีวิต”
“รูปแบบการจัดประชุมสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติ วันนี้ ประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างเสริมสังคมผู้สูงอายุไทยให้มีคุณภาพ” การรับรองระเบียบวาระการประชุม การประชุมพิจารณาประเด็นการเสริมสร้างสังคมผู้สูงอายุไทย ให้มีคุณภาพใน ๔ มิติ คือ ด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา การรับรองมติข้อเสนอนโยบาย และการจัดนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าการผลักดันมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติ ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๓” นายศุภฤกษ์ กล่าว.