นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของ กลุ่ม ปตท. ในการดำเนินธุรกิจพื้นฐานขององค์ความรู้และนวัตกรรมสมัยใหม่ กลุ่ม ปตท. โดย โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง จึงได้ริเริ่มโครงการวิจัยเพื่อนำพลังงานความเย็นที่เหลือจากกระบวนการเปลี่ยนสถานะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กลายเป็นสถานะก๊าซ มาสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด ด้วยการนำมาทดลองปลูกพืชและดอกไม้เมืองหนาวในโรงเรือนประหยัดพลังงาน อาทิ ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ สตรอเบอรี่ญี่ปุ่น สมุนไพรโรสแมรี่ ตั้งแต่ปี 2554 รวมทั้ง ได้นำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของโรงแยกก๊าซฯ มาช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ผลการวิจัยตลอด 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า พืชและดอกไม้เมืองหนาวสามารถเติบโตขึ้นด้วยดี มีความแข็งแรง ออกดอกสวยงามได้ทุกฤดูกาล ส่วนผลผลิตและการอัตราการเจริญเติบโตก็สูงกว่าปกติถึง 12 % รวมทั้ง ยังสามารถนำหัวพันธุ์ทิวลิปและลิลลี่ ที่ให้ดอกแล้ว ไปสร้างตาดอกใหม่ เพื่อขยายพันธุ์และเพาะปลูกในรอบถัดไปได้อีกด้วย
นอกจากนั้น ปตท. ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการกักเก็บและเคลื่อนย้ายความเย็นที่เหลือจากกระบวนการเปลี่ยนสถานะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ดังกล่าว เพื่อให้สามารถจัดเก็บและขนส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งผลิต ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดทำและนำตัวต้นแบบ (Prototype) ของเทคโนโลยีการกักเก็บและเคลื่อนย้ายความเย็นจากกระบวนการเปลี่ยนสถานะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ออกแสดงได้ภายในปีนี้
นายชาครีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากโครงการวิจัยดังกล่าวประสบผลสำเร็จ นอกจากจะช่วยสร้างอาชีพ และรายได้เสริมให้ชุมชน โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดระยอง ในการปลูกพืชและไม้เมืองหนาว ซึ่งมีราคาสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว ยังนับเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีทางการเกษตร และเป็นองค์ความรู้ต้นแบบให้ผู้สนใจ ได้นำไปศึกษาพัฒนาต่อยอดได้ในอนาคต
ปตท. จึงขอเชิญชวนผู้สนใจทั่วไปร่วมงานนิทรรศการ “The Miracle of Natural Gas ทิวลิปสื่อรักษ์...ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” เพื่อสัมผัสกับดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายพันธุ์ ชมเทคโนโลยีการพัฒนาการนำพลังงานความเย็นจากก๊าซธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ และเก็บเกี่ยวความรู้เพื่อนำไปปรับใช้เชิงพาณิชย์ในอนาคต ระหว่างวันที่ 9-17 กุมภาพันธ์ 2556 ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ สยามกุฎราชกุมารี จ.ระยอง