โดยชี้แจงว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ได้ทำสัญญาเช่ากับจุฬาฯบนพื้นที่ ๒๐ ไร่ ๓ งาน ๒๙ ตารางวา ตั้งแต่ปี ๒๔๗๘-๒๕๔๖ โดยจุฬาฯ ได้เริ่มเจรจาขอคืนพื้นที่มาตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ เป็นต้นมา (ตั้งแต่ ๓๘ ปีที่แล้ว) เนื่องจากจุฬาฯมีโครงการที่นำความรู้เพื่อสนองตอบการแก้ปัญหาของสังคมอย่างยั่งยืนจึงจำเป็นต้องใช้สถานที่ เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนของชาติ และเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอันใกล้นี้ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ในปี ๒๕๔๕กระทรวงศึกษาธิการได้เคยมีความสนใจที่จะขอใช้พื้นที่บริเวณอุเทนถวายต่อจุฬาฯเพื่อจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) โดยจะประสานงานจัดการเรื่องการย้ายอุเทนถวายไปยังสถานที่ที่เหมาะสม และเพื่อเป็นการขยายพื้นทางการศึกษาของอุเทนถวายด้วย
ดังนั้นเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาดังกล่าว จุฬาฯได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการจัดหาพื้นที่ให้อุเทนถวายประมาณ ๓๐-๕๐ไร่ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้เสนอพื้นที่ ต.บางปิ้ง จ.สมุทรปราการจำนวน ๓๖ ไร่ให้กับอุเทนถวาย
จนกระทั่งในปี ๒๕๔๗ อุเทนถวายจึงมีการทำบันทึกข้อตกลง ฉบับลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๗ ตกลงขนย้ายและส่งมอบพื้นที่คืนให้กับจุฬาฯภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ โดยหากมีความจำเป็นก็จะผ่อนผันให้ไม่เกิน ๑ปีเท่านั้น ในปี ๒๕๔๘ จึงมีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ๔ ฝ่าย ได้แก่ จุฬาฯ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ
อุทนถวาย โดยมีสาระสำคัญในการตกลงที่อุเทนถวายจะย้ายไปก่อสร้างสถาบันใหม่ ณ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และจะดำเนินการย้ายบุคลากรและนักศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๑ พ.ย. ๒๕๔๘ โดยเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่ากับอุเทนถวายแล้วสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน)ก็จะมาใช้พื้นที่นี้ต่อไป ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนแผนการย้าย คณะรัฐมนตรีได้จัดสรรงบประมาณ สองร้อยล้านบาท ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเพื่อดำเนินการต่อไปอีกด้วยจุฬาฯได้มีการส่งหนังสือเพื่อให้อุเทนถวายส่งมอบพื้นที่คืนให้แก่จุฬาฯ ทั้งหมด ๓ ครั้ง คือ วันที่ ๖ ธ.ค. ๒๕๔๙, วันที่ ๑๓ ก.พ.๒๕๕๐และวันที่ ๑๐ ก.ค. ๒๕๕๐รวมถึงมีหนังสือถึงรมต.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้พิจารณางบประมาณในสนับสนุนการจัดตั้งพื้นที่แห่งใหม่ให้อุเทนถวายด้วย
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(กยพ.) โดยในระหว่างการพิจารณาดังกล่าวนั้นนายกสโมสรนักศึกษาอุเทนถวายได้มีการทูลเกล้าฯถวายฎีกา ๒ ครั้ง
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ กยพ.ได้มีมติชี้ขาดโดยให้อุเทนถวาย ขนย้ายทรัพย์สินและคืนพื้นที่ให้กับจุฬาฯ และชำระค่าเสียหายปีละล้านบาทเศษ จนกว่าจะส่งมอบพื้นที่เสร็จ โดยมติที่ประชุมมีข้อสังเกตว่า ในการย้ายนั้น ขอให้กระทรวงศึกษา ประสานงานกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอใช้ที่ราชพัสดุและงบประมาณสนับสนุนเพื่อการนี้ต่อไปด้วย
ในปีพ.ศ.๒๕๕๓ คณะรัฐมนตรีรับทราบมติดังกล่าว และอัยการสูงสุดแจ้งผลชี้ขาดของ กยพ. ต่อ จุฬาฯและอุเทนถวาย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สำหรับผลการทูลเกล้าถวายฎีกา สำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือยืนยันผลชี้ขาดตามมติของกยพ. ถึงอุเทนถวาย ฉบับลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
หลังจากนั้นจุฬาฯจึงมีหนังสือสอบถามความคืบหน้าการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ไปยังอุเทนถวาย ตามหนังสือฉบับลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ แต่จนถึงปัจจุบันอุเทนถวายยังไม่ได้ปฏิบัติตามการชี้ขาดจากกยพ. แต่ประการใด