เปิดเผยว่า “กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (MS-ASIAN SM) ซึ่งเปิดเสนอขายมาครบ 1 ปี เมื่อสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดและกองทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียด้วยกัน โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 จนถึงวันที่ 25 มกราคม 2556 สูงถึง 31.54% เทียบกับผลตอบแทนของ MSCI AC Asia Pacific ex JP Small Cap Index (เกณฑ์มาตรฐาน) ในช่วงเดียวกันเพียง 5.47% กองทุนนี้จึงเป็นที่ได้รับความสนใจและมีเงินลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ขนาดกองทุนโตขึ้นหลายเท่าตัวจากช่วง IPO
นายต่อกล่าวว่า “เราค่อนข้างภูมิใจที่ได้คัดเลือกกองทุน MS-ASIAN SM มาเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนในปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ดีเยี่ยมและสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานกว่า 26.07% (ข้อมูล ณ 25 มกราคม 2556) กองทุนนี้เป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Manulife Global Fund-Asian Small Cap Equity Fund (กองทุนหลัก) บริหารโดย Linda Csellak ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมตราสารทุนที่ลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ของ Manulife Asset Management ในฮ่องกง โดยได้รับการสนับสนุนทางด้านข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทีมผู้เชี่ยวชาญตลาดตราสารทุนที่ประจำอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียที่มีมากกว่า 70 ท่าน เมื่อเร็วๆ นี้ Linda Csellak ยังได้รับรางวัล ‘AAA Fund Manager’ จาก Citywire Global อันเนื่องมาจากฝีมือการบริหารกองทุนที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กองทุนหลักยังคงอันดับในระดับ 5 ดาวประเภทหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2555)
Linda กล่าวถึงกลยุทธ์สำคัญที่ใช้ในการบริหารกองทุนหลักว่า “ผลการดำเนินงานที่ชนะตลาดค่อนข้างมากดังกล่าวเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้นรายตัว’ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนและเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (อัลฟา) ให้แก่กองทุน เราได้ให้ความสำคัญในจุดนี้เป็นอย่างมากจึงใช้เวลาในการค้นหาหุ้นขนาดเล็กของบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของธุรกิจและมีศักยภาพในการเติบโตสูง และที่สำคัญ คือ การเข้าลงทุนในหุ้นเหล่านี้ก่อนเป็นที่รู้จักของนักลงทุนรายใหญ่หรือยังไม่มีการทำบทวิเคราะห์ซึ่งทำให้ราคายังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน จึงมีโอกาสในการทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง อันจะเป็นจังหวะที่เราจะพิจารณาขายทำกำไรและหาหุ้นขนาดเล็กตัวใหม่เพื่อลงทุนต่อไป”
Linda กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมและแนวโน้มตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคว่า “จากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในหลายประเทศหลักๆ ทั่วโลกทำให้เชื่อว่า สภาพคล่องในแถบภูมิภาคเอเชียยังคงสูงมากอย่างต่อเนื่องในปี 2556 ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นในแถบนี้ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้า นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณของความแข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และตลาดหุ้นจีนยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดอื่นๆ ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ และหุ้นจำนวนมากยังมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและ P/E ที่ต่ำ ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานทำให้เกิดผลดีต่อประเทศต่างๆ ที่เป็นฐานการผลิต”
นายต่อกล่าวเสริมว่า “ในปีที่ผ่านมา หุ้นหลายตัวที่ผู้จัดการกองทุนหลักเลือกลงทุนให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดค่อนข้างมาก อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและดีกว่าตลาดคาดการณ์ รวมทั้งได้รับความสนใจจากนักลงทุนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมาก เป็นผลให้กองทุน MS-ASIAN SM มีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่า P/E ของหุ้นขนาดเล็กในบางตลาดจะสูงขึ้น แต่ผู้จัดการกองทุนได้พยายามค้นหาหุ้นคุณภาพที่ยังไม่แพง ทำให้พอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักมีค่า P/E เฉลี่ยประมาณ 12.5 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่า P/E ตลาดที่ประมาณ 15 เท่า ทั้งนี้ เราเชื่อว่า ด้วยวิธีการบริหารกองทุนข้างต้นจะทำให้กองทุน MS-ASIAN SM ยังมีศักยภาพสูงในการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไป หากท่านใดสนใจลงทุนในกองทุนดังกล่าว สามารถติดต่อมาที่ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) โดยตรงหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2354-1001”