นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการทั้งกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ในประเทศและตราสารหนี้ต่างประเทศที่บริษัทเสนอขายมาตั้งแต่ต้นปี 2556 ยังคงมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามากว่า 140,000 ล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการของผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนักที่ยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าเงินฝากในภาวะดอกเบี้ยทรงตัวต่อเนื่อง
“ตั้งแต่ต้นปี 2556 บลจ.กสิกรไทย เสนอขายกองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องทุกสัปดาห์ รวมแล้วประมาณ 31 กองทุน ซึ่งทุกกองทุนยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุนซึ่งเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญของบริษัท รวมถึงต้องการโอกาสในการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยซบเซาทั่วโลก ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย มีความพร้อมสำหรับการคัดเลือกตราสารหนี้คุณภาพดีในต่างประเทศที่จะเข้ามาผสมผสานในพอร์ตการลงทุนและช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจขึ้น ช่วยให้ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า ตราสารหนี้ต่างประเทศที่คัดเลือกมาให้ลงทุน ได้ผ่านการกลั่นกรองคุณภาพตลอดทั้งผ่านการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงมาเป็นอย่างดี ” นางสาวยุพาวดีกล่าว
สำหรับกระแสตอบรับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า กองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลามส่งผลให้มียอดจองซื้อกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 6 เดือนเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการก่อนถึงกำหนดปิดเสนอขาย บริษัทจึงจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องในวันที่ 27 ก.พ. — 4 มี.ค. 2556 อีกจำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีจี (KFI3MCG) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีดี (KFI3MBD) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
สำหรับตราสารที่กองทุน KFI3MCG คาดว่าจะลงทุนนั้นประกอบด้วยตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (F3/Fitch) ตราสารหนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (F1+(tha)/Fitch) เงินฝาก ธนาคารออมสิน ตั๋วแลกเงินบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (A+/TRIS) เงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank และ Emirates NBD Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (F1/Fitch) พร้อมด้วยตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A และ ตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A. ในประเทศบราซิล ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ F2/Fitch และ A-3/S&P ตามลำดับ
ด้านกองทุน KFI3MBD คาดว่าจะลงทุนเบื้องต้นในตราสารหนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (F1+(tha)/Fitch) ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ (F3/Fitch) ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. (F3/Fitch) และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., (A-3/S&P) ประเทศบราซิล ร่วมด้วยเงินฝากใน 3 สถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ Emirates NBD Bank, Abu Dhabi Commercial Bank และ Union National Bank ซึ่งล้วนได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ที่ระดับ F1
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก บลจ. กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน บีดับเบิลยู (KPPTF3MBW)ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 80% ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ โอกาสรับผลตอบแทน 2.60% ต่อปี
ผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถลงทุนกับกองทุน KFI3MCG, กองทุน KFI6MBD และกองทุน KPPTF3MBW ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นกองทุนละ 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact center 0 2673 3888
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล นโยบายลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุน และเอกสารเกี่ยวกับกองทุน KFI3MCG, กองทุน KFI6MBD และกองทุน KPPTF3MBW ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุน KFI3MCG และ กองทุน KFI6MBD มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน