นมไทย-เดนมาร์ค ระดมตัวแทนภาคเหนือ รุกต่อเนื่องหลังตัวเลขโตเบียดรายใหญ่ได้ครั้งแรก

อังคาร ๑๒ มีนาคม ๒๐๑๓ ๑๑:๕๙
นมไทย-เดนมาร์ค ผนึกตัวแทนจำหน่ายภาคเหนือ รับนโยบายรุกเต็มสูบหลังภาพรวมภาคเหนือรายได้เติบโตต่อเนื่อง เน้นเข้าถึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับตัวแทนจำหน่าย และขยายเข้าโมเดิร์นเทรด เชื่อสองขาช่วยส่งให้สิ้นปีเหนือโตขึ้นเป็น 30%

นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย นมไทย-เดนมาร์ค เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน การจัดประชุมสัมมนาตัวแทนจำหน่ายในเขตพื้นที่ภาคเหนือกว่า 100 คน ว่าในรอบปีที่ผ่านมา ตัวเลขความเติบโตของการจัดจำหน่าย นม ยู.เอช.ที ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและตอนล่างมีความเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากการเกิดขึ้นของชุมชนเมืองมีประชากรเพิ่มขึ้น และมีการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าเป็นโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อเพิ่มมากขึ้น และผลกระทบจากอุทกภัยใหญ่ที่ผ่านมาทำให้คู่แข่งสำคัญ มีปัญหาเรื่องการขนส่งและการผลิต ประกอบกับมีการปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายของคู่แข่งทำให้ส่งผลบวกต่อนมไทย-เดนมาร์คในพื้นที่ภาคเหนือ ในขณะที่ อ.ส.ค. มีโรงงานผลิตในทุกภาคสามารถบริหารจัดการเรื่องการผลิตและการขนส่งได้ดี ปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาจึงไม่ส่งผลต่อการจัดจำหน่ายของนมไทย-เดนมาร์คในภูมิภาคแต่อย่างใด

“ขนาดชุมชนที่โตขึ้น และการเข้าถึงผู้บริโภคที่มากขึ้นของ อ.ส.ค. ที่ยังคงให้ความสำคัญกับรูปแบบการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายและโมเดิร์นเทรดเท่าๆกัน ผู้บริโภคสามารถถามถึงนมไทย-เดนมาร์คได้ทุกที่ ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมายอดขายของนมไทย-เดนมาร์คของเรามาเป็นอันดับ 2 ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งในปีนี้เราได้ทุ่มงบประมาณในด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้กับโรงงานในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.สุโขทัย ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพการผลิตให้เพิ่มขึ้น รองรับน้ำนมดิบไม่น้อยกว่า 150 ตันต่อวัน ในขณะที่โรงงานใหม่ ที่จะก่อสร้างที่ จ.ลำปาง จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2556 และจะแล้วเสร็จราวปี 2558 ซึ่งจะสามารถผลิตได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 140 ตันต่อวัน นี่คือนมโคสดแท้ 100% ที่มาจากเครือข่ายเกษตรกรของ อ.ส.ค.ทั้งหมด” รองผอ.กล่าว

โดยเหตุผลสำคัญในการรุกปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและสร้างโรงงานนมแห่งใหม่ในภาคเหนือนั้น รองผอ.นพดล ขยายว่า จากคุณภาพน้ำนมดิบที่ อ.ส.ค. รับซื้อจากเกษตรกรทั้งหมด น้ำนมดิบจากสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ภาคเหนือมีคุณภาพน้ำนมสูงกว่าในภูมิภาคอื่น เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญ คือ มีหญ้าเลี้ยงสัตว์และผลิตผลการเกษตรเหลือใช้ เช่น กากถั่ว ต้นข้าวโพดอ่อน ที่อุดมสมบูรณ์ ระบบชลประทานที่เอื้อต่อการเลี้ยงโคนม ตลอดจนสภาพภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจัดทำให้โคนมให้ปริมาณน้ำนมดิบที่สูงและ มีคุณภาพสูงกว่า ที่สำคัญ คือ เกษตรกรมีความพร้อมในการขยายพื้นที่การเลี้ยงโคนมมากที่สุด ในอนาคตจึงเป็นพื้นที่คุ้มค่าต่อการลงทุนและเหมาะแก่การส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงโคนมเพิ่มขึ้น

“อ.ส.ค.ได้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบสำหรับโรงงานนมในภูมิภาคไว้ชัดเจนเพื่อรองรับการรุกตลาดอาเซียน โดยพื้นที่ภาคเหนือ มีโรงงานที่จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย และจะมีที่ลำปางเพิ่มขึ้นนี้จะให้รับผิดชอบทำตลาดในพม่า ไปจนถึงจีนตอนใต้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงของการดำเนินการขอ อ.ย. และจัดทำกล่องเป็นภาษาจีน คาดว่าจะสามารถจัดจำหน่ายในจีนตอนใต้ได้ภายในปีนี้ สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีโรงงานที่จังหวัดขอนแก่น รับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน 14 จังหวัด และรับผิดชอบตลาดอินโดจีนที่มี ลาว กัมพูชาและเวียดนาม

ส่วนโรงงานที่ภาคกลาง คือ อ.มวกเหล็ก จ. สระบุรี รับผิดชอบภาคกลาง อีสานตอนใต้ ภาคกลางที่ต้องขนส่งสินค้าออกต่างประเทศทางเรือ เพราะขนส่งสะดวกกว่าที่อื่น สำหรับโรงงาน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับผิดชอบภาคใต้ทั้งหมด พร้อมรุกตลาดมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก ตอนนี้อ.ส.ค. ร่วมมือกับสหกรณ์โคนมพัทลุง ให้สามารถเป็นฐานการผลิตให้กับ อ.ส.ค. ได้อีกแห่งหนึ่งเพื่อรุกตลาดภาคใต้อย่างจริงจังยิ่งขึ้น” และลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติก

ทางด้าน นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ อ.ส.ค.ได้เสริมกลยุทธ์การตลาดที่ นมไทย-เดนมาร์ค จะรุกในปี 2556 นี้ว่า ได้ตั้งงบประมาณไว้กว่า 130 ล้านบาท สำหรับดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ยู.เอช.ที พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์และภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมกับการจัดโปรโมชั่นชิงรางวัลครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยจัดมาก่อนของ นมไทย-เดนมาร์ค ซึ่งจะเปิดตัวราวเดือน เม.ย.นี้ ในขณะเดียวกันยังได้พัฒนากิจกรรมทางการตลาด ในยุค Social Media Marketing โดยสร้างเกมส์แอพลิเคชั่น และกิจกรรมสำหรับแฟนคลับ ของนมไทย-เดนมาร์ค ใน Social Network ต่างๆ ซึ่งจะเปิดตัวในปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น

“ในแง่ของการรุกตลาดในพื้นที่นั้น เราจะจัดให้มี Road Show ส่งเสริมการขายในแต่ละภูมิภาค เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยจะจัดคอนเสิร์ตในพื้นที่ภาคใต้ก่อน และจะไปเริ่มในภาคอื่นตามมา รวมถึงจัดโปรโมชั่นสำหรับตัวแทนจำหน่ายในรายพื้นที่ส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเราได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเพื่อศึกษาวิจัยกลยุทธ์ทางการตลาด โดยจะพัฒนาระบบการตลาดและ การขาย กำหนดค่า KPI สำหรับตัวแทนจำหน่าย กำหนดผลตอบแทนที่ สร้างแรงจูงใจแก่ตัวแทนจำหน่าย ตลอดจนกลยุทธ์การตลาดรายพื้นที่ว่าแต่ละแห่งเป็นอย่างไร เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน” นายสุชาติกล่าว

โดยเป้าหมายความเติบโตในภาพรวมรายได้คาดหวังกำไรในสิ้นปีที่ 400 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมรายได้โตขึ้นจากปัจจุบันที่มียอดขายรวมที่ 6,500 ล้านบาทเป็น 7,000 ล้านบาทในที่สุด ในขณะที่พื้นที่ภาคเหนือคาดหวังให้โตเบียดคู่แข่งให้ได้ ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น จาก 27 % เป็น 30 %

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO