นายวสันต์ อริยพุทธรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คีนน์ จำกัด ผู้ก่อตั้ง และเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์รายแรกในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท คีนน์ จำกัด ได้ค้นพบ และนำเอาสุดยอดนวัตกรรมไบโอเทคโนโลยี จุลินทรีย์ย่อยสลายคราบน้ำมันปิโตรเลียมภายใต้แบรนด์สินค้า KEEEN ออกสู่ตลาดจนบริษัทเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สารชีวบำบัด (Bioremediation Agent) หรือสินค้านวัตกรรมสีเขียว (Greenovative product) ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเป็นสินค้าออกจำหน่ายสู่ตลาดแล้วจำนวน 13 สูตร
ทั้งนี้ สินค้าแบรนด์ KEEEN มีความเด่นชัดในเรื่องของการขจัด บำบัด และเยียวยาในขั้นตอนเดียว ทำให้สามารถลดปัญหาของเสีย และค่าใช้จ่ายแฝงในอุตสาหกรรมไปได้ในเวลาเดียวกัน จึงเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์และถูกนำไปใช้งานในกลุ่มลูกค้าผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรม ปิโตรเคมี (แท่นขุดเจาะน้ำมัน,โรงกลั่นน้ำมัน,สถานีบริการน้ำมัน) อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมโรงพยาบาล อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมด้านที่พักอาศัย
“เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา นวัตกรรม KEEEN ได้ถือกำเนิดมาจากแรงบันดาลใจที่ต้องการลดมลภาวะคราบน้ำมัน ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรม นำไปสู่การค้นคว้า เสาะแสวงหาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ คุ้มค่า โดยเริ่มต้นจากงานวิจัย เพื่อคัดเลือกจุลินทรีย์ย่อยสลายคราบน้ำมันปิโตรเลียม เสมือนหนึ่งกับการค้นพบเมล็ดกาแฟชั้นดี แล้วนำมาพัฒนาสูตรผสม เปรียบเทียบได้กับการนำเมล็ดกาแฟชั้นดีมาผสมเป็นสูตรกาแฟรสต่าง ๆ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการของบริษัทที่ร่วมทุนวิจัย พัฒนากับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) รวมทั้งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทำให้สินค้า KEEEN กลายเป็นสุดยอดนวัตกรรมไบโอเทคโนโลยี ที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นโจทย์สำคัญในการปรับกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยในเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนใหม่อีกด้วย”
โดยผลิตภัณฑ์สารชีวบำบัด แบรนด์ KEEEN มีคุณสมบัติพิเศษในการย่อยสลายโมเลกุลน้ำมัน ล้างชิ้นส่วน บำบัดน้ำเสีย ขจัดไอระเหยและคราบสกปรกที่กำจัดยาก หรือแม้กระทั่งกลิ่นเหม็นในภาคอุตสาหกรรมได้ครบวงจร โดยไม่ก่อให้เกิดสารเคมีตกค้างออกไปทำลายสิ่งแวดล้อม ในปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัท คีนน์ ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจทั้งจากต่างประเทศ และในประเทศ รวม 9 รางวัล อาทิ รางวัลเหรียญทอง ในงาน International Invention Innovation & Technology Exhibition 2012 I ณ ประเทศมาเลเซีย รางวัล “Grand Prize” in Asia ในงาน Asian Science ParkAssociation (ASPA Award 2012) และรางวัล The Best Innovation in Environment ในงาน SME THAILAND INNO AWARDS 2012 เป็นต้น
ดังนั้น ในปี 2556 จึงเป็นอีกปีหนึ่งของความท้าทาย ที่บริษัทฯจะขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะการขยายฐานไปยังตลาดอาเซียน โดยปัจจุบันบริษัทได้จัดตั้งตัวแทนการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศ และในภูมิภาคอาเซียนแล้วมากกว่า 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงค์โปร์ เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น และนอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนร่วมวิจัยพัฒนากับสถาบันไบโอเทคโนโลยี จากประเทศฟินแลนด์ เพื่อก้าวสู่แบรนด์ระดับโลก โดยคาดว่าฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งนี้จะทำให้บริษัทสามารถต่อยอดกลุ่มลูกค้า KEEEN ไปยังตลาดอื่นๆ ในระดับโลก อาทิ ประเทศฟินแลนด์ รัสเซีย และประเทศแถบทวีปยุโรปได้อีกด้วย
นอกจากนั้น ความต้องการบริโภคในประเทศที่ยังมีค่อนข้างสูง เพื่อเป็นการลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ จึงทำให้สารชีวบำบัดภัณฑ์ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยระยะ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตในด้านยอดขายไม่น้อยกว่า 20 % และจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่ก้าวกระโดดในปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตของบริษัทจะไม่ต่ำกว่า 50 %
“แผนการตลาดปีนี้เราคงทำการตลาดต่างประเทศควบคู่ไปกับตลาดในประเทศ ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าแล้วจำนวน 20 ราย และยังเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมงานเพิ่ม ส่วนตลาดต่างประเทศ เนื่องจากผลงานนวัตกรรมของ KEEEN ตอบโจทย์ได้ในระดับสากล โดยเฉพาะตลาดอาเซียนนั้นถือเป็นตลาดที่มีโอกาสทางธุรกิจสูงจึงเป็นอีกปีหนึ่งที่ท้าทายการเติบโตทางธุรกิจของบริษัท”นายวสันต์กล่าวทิ้งท้าย