นมไทย-เดนมาร์ค ปักธงรุก ชู รง.ปราณบุรีลุยใต้ผ่านโมเดิร์นเทรดหลังยอดโตทะลุเป้า

จันทร์ ๑๘ มีนาคม ๒๐๑๓ ๑๔:๓๑
นมไทย-เดนมาร์ค พร้อมรุกใต้ สั่งโรงงานผลิตนมไทย-เดนมาร์ค สำนักงาน อ.ส.ค. ปราณบุรี บุกต่อเนื่องหลังยอดสั่งซื้อโมเดิร์นเทรดไตรมาสแรกแตะ 100 ล้านบาท มั่นใจผนึกพันธมิตรสหกรณ์โคนมในพื้นที่ลุยเข้ามาเลย์-สิงโปร์ เหตุตลาดเป้าหมายต้องนำเข้านม 100% เสริมด้วยระบบตรวจสอบย้อนกลับพัฒนาคุณภาพนมต่อเนื่อง พร้อมเป็น “ไทยเฟรชมิลค์”

นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนม หรือ อ.ส.ค. ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมไทย-เดนมาร์ค เปิดเผยว่า อ.ส.ค.ดูแลสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกว่า 5,000 ครัวเรือน ทั่วประเทศสามารถผลิตนมเชิงพาณิชย์ จากนมโคสดแท้ 100% จำนวนกว่า 145,000 ตัน/ปี ผ่านโรงงานนม อ.ส.ค. 5 แห่ง คือ สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคกลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.ท่าพระ จ.ขอนแก่น สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนล่าง อ. ศรีนคร จ.สุโขทัย สำนักงานภาคเหนือตอนบน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคใต้ อ. ปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์

ความรับผิดชอบของแต่ละภาคนั้นนอกจากจะต้องทำตลาดและกระจายสินค้าในภูมิภาคของตนแล้วยังต้องรับภารกิจในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย โดยภาคกลาง รับผิดชอบ ภาคกลาง ,อีสานตอนล่าง และสินค้าที่ต้องขนส่งสินค้าออกต่างประเทศทางเรือ ภาคเหนือรับผิดชอบภาคเหนือ และตลาดต่างประเทศ ได้แก่ตพม่าไปจนถึงจีนตอนใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรับผิดชอบภาคอีสานตอนบน และตลาดต่างประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม สำหรับภาคใต้ โรงงานปราณบุรีนั้น นอกจากจะรับผิดชอบภาคใต้ และประเทศมาเลเซียแล้ว อ.ส.ค.ได้วางไว้สำหรับผลิตเพื่อจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ยอดขายอยู่ที่ 90 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ยังไม่จบไตรมาส ยอดขายเกิน 100 ล้านบาทแล้ว

โดยสัดส่วนความเติบโตของโมเดิร์นเทรดปัจจุบัน สัดส่วนเทียบจากปี 50 มีมูลค่าเพียง 1.2 ล้านล้านบาท แต่ปี 54 เติบโตเป็น 1.4 ล้านล้านบาท และในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นอย่างน้อย 6% สอดคล้องกับสภาพความเติบโตโดยรวมของภูมิภาคอาเซียน ที่ระบุว่า ฟิลิปปินส์มีอัตราเติบโตสูงสุดถึง 38.43% หรือเวียดนาม ที่เติบโต 11.89% ส่วนอินโดนีเซีย เติบโต 11.38% ขณะที่การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกสูงสุดถึงร้อยละ 38.43 ในขณะที่เวียดนามและอินโดนีเซียมีอัตราการขยายตัวใกล้เคียงกันอยู่ที่มาเลเซียเติบโตน้อยที่สุดที่ 3.75% (ข้อมูลจาก ม.หอการค้าให้สัมภาษณ์เดลินิวส์ออนไลน์ วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556)

“สำนักงาน อ.ส.ค.ปราณบุรี จึงเป็นภาคเดียวที่เน้นการทำตลาดผ่านโมเดิร์นเทรดสัดส่วน 80:20 เมื่อเทียบกับช่องทางตัวแทนจำหน่าย โดยเรามีวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่นตั้งแต่ปี 2545 และช่องทางโมเดิร์นเทรดทำให้นมไทย-เดนมาร์ค เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยดูจากตัวเลขความเติบโตจากยอดสั่งของโมเดิร์นเทรดแล้ว อ.ส.ค.ได้จัดสรรงบประมาณในการปรับปรุงเครื่องจักร โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพเครื่องจักรเดิม ลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตมากขึ้น รวมถึงเสริมเครื่องจักรใหม่ในบางส่วนเข้ามา จากเดิมที่โรงงาน ปราณบุรีผลิตได้ 100 ตันต่อวัน ตอนนี้ขยายเป็น 130 ตันต่อวัน และจะพัฒนาต่อเนื่องให้ได้ 150 ตันต่อวันในเดือน มิ.ย.56 นี้”

ในขณะเดียวกัน อ.ส.ค.ยังได้ตั้งงบประมาณสำหรับการพัฒนา ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ สำหรับโรงงานทั้ง 5 แห่ง แห่งละประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อให้มีระบบตรวจสอบย้อนกลับไปถึงฟาร์มเกษตรกรได้ว่านมดิบที่ได้รับมาจากฟาร์มใดมีคุณภาพดี คุณภาพต่ำสามารถที่จะพัฒนาให้ได้คุณภาพองค์ประกอบของน้ำนมให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการส่งมอบ และจะสามารถใช้ได้เต็มกระบวนการราวเดือนเมษายนนี้ เมื่อระบบตรวจสอบย้อนกลับทำได้ก็จะสอดรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ที่เกษตรกร และอ.ส.ค.จะมีความพร้อมในระดับสากลยิ่งขึ้น

“สำหรับยุทธศาสตร์อาเซียนของ ภาคใต้นั้น เรามุ่งไปที่มาเลเซียและสิงคโปร์ที่มีขนาดการบริโภคสองประเทศประมาณ 30 ล้านคน ทั้งสองประเทศนี้ไม่มีอุตสาหกรรมนม ต้องพึ่งการนำเข้าทั้งหมดที่ส่วนใหญ่เป็นนมผง ซึ่งไทยเราเมื่อเทียบกันในภูมิภาคนี้แล้วสินค้าบริโภคมีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เพราะเราเองส่งออกด้านอาหารอยู่แล้ว และการขนส่งไปยังประเทศเหล่านี้ไม่ได้ลำบากเลย โดยส่วนหนึ่งเราได้เข้าไปส่งเสริมกลุ่มสหกรณ์โคนมในพื้นที่ภาคใต้ให้เข้มแข็งและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ อ.ส.ค. ตรงนี้เชื่อว่าจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดในภาคใต้ในที่สุด” นายนพดลกล่าว

ปัจจุบันโรงงานปราณบุรีรับน้ำนมดิบจากเกษตรกรอยู่ที่ 106 ตัน/วัน สามารถผลิตนม UHT ได้ 3,000 ตัน/เดือน ในขณะที่ยอดคำสั่งซื้อมี ถึง 3,200 ตัน/เดือน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ อ.ส.ค. ต้องเร่งเดินหน้าปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อผลิตให้ทันกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

โดยโรงงานผลิตนมปราณบุรียังได้พัฒนาระบบการผลิตต่อเนื่องจนได้เป็นที่ไว้วางใจจากคู่ค้า และในปีที่ผ่านมายังได้รับรางวัล Standard for Corporate Social Responsibility(CSR-DIW Award) ภายใต้โครงการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างมีส่วนร่วม ปี 2555 จากกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนายกระดับกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานของ อ.ส.ค. ประกอบกับแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมใหม่ๆออกสู่ตลาด รองรับความต้องการของผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยชูจุดขายในความเป็นธรรมชาติไม่มีส่วนผสมของนมผง ซึ่งโดยรวมจะทำให้กำไรในสิ้นปีนี้ไปถึง 400 ล้านบาทตามเป้าหมาย ส่วนภาพรวมรายได้โตขึ้นจากปัจจุบันที่มียอดขายรวมที่ 6,500 ล้านบาทเป็น 7,000 ล้านบาท ส่วนตลาดต่างประเทศหากดำเนินไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ภายใน 5 ปีจะทำให้มียอดขายแตะที่ 1,000 ล้านบาท/ปี จากเดิมที่มียอดขายเพียง 200 ล้านบาท/ปี และทำให้ภาพรวมรายได้ทั้งในและต่างประเทศเติบโตเป็น 10,000 ล้านบาท/ปี และมั่นใจว่า นมไทย-เดนมาร์ค จะเป็นเหมือนโลโก้ ไทยเฟรชมิลค์ของคนไทยในที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO