สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดที่ระดับ 1,604.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 2.3 เซนต์ มาปิดที่ระดับ 28.87 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,219.45 ตัน (ขายออก 13.55 ) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 29 เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลบ 62.05 จุด ปิดที่ 14,452.60 จุด
ข่าวที่สำคัญ
- ราคาในตลาดช่วงเช้ายังแกว่งตัวเหนือระดับ 1,600 เหรียญได้ เนื่องจากความกังวลในไซปรัสที่มีการลงมติวันนี้ ขณะที่ตลาดยังจับตาการเทขายของกองทุน
-ในช่วงกลางคืนทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และแตะระดับสูงสุดรอบเกือบ 3 สัปดาห์
-ราคาทองคำสวนทางกับค่าเงินยูโรที่ร่วงลง แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2012 ระดับ 1.2878 ดอลลาร์ต่อยูโร
-มีความกังวลว่าในอนาคตของยูโรโซน ที่ปัญหานี้อาจจะทำให้ลูกค้าธนาคารในประเทศที่เป็นหนี้อื่นๆเกิดความตกใจและอาจจะถอนเงินจากธนาคาร โยกเงินมาไว้ที่ทองคำ
-มีรายงานว่ารัฐบาลไซปรัสอยู่ระหว่างพิจารณาบรรเทาภาระภาษีดังกล่าวสำหรับเงินฝากที่ต่ำกว่า 25,000 ยูโร โดยการกำหนดอัตราภาษีที่ 0% ใน 2-3 วันถัดไป อาจจะมีความชัดเจนขึ้นว่ารัฐสภาจะอนุมัติข้อตกลงหรือไม่ โดยไซปรัสได้ประกาศวันหยุดธนาคารเพิ่มในวันอังคาร (วันนี้) และวันพุธ และธนาคารจะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันพฤหัสบดี
-รัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะประชุมทางการสื่อสารทางไกลช่วงเวลาประมาณ 22:30 น. เพื่อทบทวนเงื่อนไขของข้อตกลงอีกครั้ง โดยยังคงต้องการให้ไซปรัสเพิ่มเงินให้ได้ 5.8 พันล้านยูโรจากผู้ฝากเงินเพื่อการขอเงินช่วยเหลือ แต่ยินยอมให้ผู้ฝากรายย่อยไม่ต้องถูกเก็บภาษี
-รัฐสภาของไซปรัสประกาศเลื่อนการประชุม หลังจากที่เลื่อนจากวันอาทิตย์มาเป็นวันจันทร์แล้ว โดยเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันนี้เวลาประมาณ 23.00 น. แทน
-สมาชิกอีซีบีกล่าวว่าธนาคารกลางเยอรมันไม่ได้ยืนกรานในโครงสร้างการเก็บภาษีนี้ และรัฐบาลไซปรัสสามารถปรับเปลี่ยนการเก็บภาษีได้ ตราบใดที่ยังสามารถเพิ่มเงิน 5.8 พันล้านยูโรได้
-นักลงทุนคนหนึ่งกล่าวว่า การจัดเก็บภาษีเงินฝากโดยตรงทำให้เกิดความเสี่ยงเชิงจิตวิทยาแก่ระบบธนาคารยุโรป แต่ตลาดมองกรณีไซปรัสจะเป็นกรณีเฉพาะ และไม่น่าจะลุกลาม โดย ไม่น่าจะเห็นทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนกว่าปัญหาจะลุกลามไปทั้งยูโรโซนด้วย
-สถาบันจัดการการเงินของยุโรปหลายแห่งได้ลดการซื้อขายกับโบรกเกอร์ในรัสเซีย ได้แก่ Alfa Bank และ Renaissance Capital (เรอเนสซองต์ แคปิตอล) เพื่อลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจกับประเทศที่มีบริษัทที่ไม่ใช่ของรัฐทำการในไซปรัส
-นักลงทุนได้เพิ่มสถานะ Long สุทธิในทองคำ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 มี.ค. จากระดับต่ำสุดกว่ารอบ 5 ปี 39,631 เป็น 43,195 สัญญา แต่ก็ได้เพิ่มสถานะ Short ด้วย แต่ที่น่าสนใจ คือ ETF ไม่ได้ทำอะไรในวันศุกร์
-สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า ราคาทองคำถูกจำกัดการขึ้นต่อจากการเทขายของนักลงทุนในกองทุน Gold ETF ซึ่งในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค. กองทุน Gold ETF ขายออกไป 330,000 ออนซ์ สู่ระดับ 83.9 ล้านออนซ์ ส่วน SPDR เทขายออกไปอีก 217,000 ออนซ์
-SPDR ได้ลดการถือครองเมื่อคืนนี้จาก 1,236.31 ตันสู่ระดับ 1,219.45 ตันต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2011 โดยลดลง 13.542 ตัน ซึ่งเป็นการลดมากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน
-HSBC ได้ตัดลดการคาดการณ์ราคาจาก 1,760 เป็น 1,700 เหรียญในปี 2013 และ 1,755 เป็น 1,720 เหรียญในปี 2014 แต่ยังมองว่าราคาจะยังเป็นขาขึ้น
-ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีของซิมบับเวย์ 4 คนถูกจับกุม หลังจากการประชุมรัฐสภาใหม่ ข้อหาเป็นตำรวจสายลับของสหรัฐและประเทศใกล้เคียงที่ปลอมแปลงมา ซึ่งซิมบับเวย์เป็นประเทศที่สำรองทองคำรองจากแอฟริกาใต้
-FOMC ถึงกำหนดการอัพเดทนโยบายการเงิน และคาดการณ์เศรษฐกิจในวันนี้และพรุ่งนี้ คาดว่าเฟดจะยังคงนโยบายกระตุ้น และเบอร์นันเก้น่าจะกล่าวต่อไปว่าประโยชน์ของนโยบายมีมากกว่าความเสี่ยง แต่ความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่สินทรัพย์ก็จะยังเพิ่มขึ้นภายในเฟด
-สิ่งที่น่าสนใจ คือ หากมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับมาตรการถอนการกระตุ้น ที่มีแนวคิดว่าเฟดอาจจะปล่อยให้สินทรัพย์ที่ถือครองหมดอายุไปเอง แทนการขายสินทรัพย์ ที่จะทำให้ถอนการกระตุ้นได้อย่างราบรื่นกว่า ซึ่งเป็นผลดีต่อทองคำ และเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์
-รัฐสภาสหรัฐเริ่มเข้าใกล้การผ่านร่างงบประมาณสำหรับใช้ถึง 30 ก.ย. เพื่อป้องกันการปิดตัวของรัฐบาลก่อนที่งบปีนี้จะหมดลงวันที่ 27 มี.ค.
-คาดว่าการคาดการณ์การกู้ยืมของการคลังสหรัฐ รวมถึงการคาดการณ์การเติบโต และงบประมาณสาธารณะจะยังคงแย่หรือลดลงในปีที่จะถึงนี้
-ในวันพุธ อังกฤษจะประกาศงบประมาณใหม่ต่อรัฐสภา คาดว่าจะยังคงเป็นงบแบบรัดเข็มขัดในปีนี้ ซึ่ง S&P และ Fitch จะใช้งบประมาณเป็นเกณฑ์ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจว่าจะคงเรตติ้ง AAA ให้อังกฤษหรือไม่
-ยอดขาดดุลการค้าของยูโรโซนในเดือนม.ค.อยู่ที่ 3.9 พันล้านยูโร (5 พันล้านดอลลาร์) หลังจากที่มียอดเกินดุลการค้า 1.08 หมื่นล้านยูโรในเดือนธ.ค.ปี 2555
-บุนเดสแบงก์ รายงานรายเดือนในวันนี้ว่า การปรับตัวที่อ่อนแรงของเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป ในช่วงต้นปี 2556 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัว
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน
- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้
- Building Permits ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.90M คาดการณ์ว่าจะออกที่ระดับ 0.93M
- Housing Starts ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.89M คาดการณ์ว่าจะออกที่ระดับ 0.92M
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าเมื่อวานนี้จากข่าวการเงินของ ไซปรัสทำให้เกิดแรงซื้อในตลาดทองคำอย่างมากราคาทองคำดีดขึ้นมายืนเหนือ 1,600 เหรียญโดยที่ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกา ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลล่าร์ที่ระดับ 1.2890 โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจในคืนนี้ยังอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวเลขการ สร้างบ้านใหม่คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เมื่อวานราคาทองคำทยอยขึ้นไปแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,610 เหรียญ และเกิดแรงเทขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทอคำกลับมาปิดที่ระดับ 1,604 เหรียญโดยประมาณ ส่วน SPDR ยังขายต่อเนื่องกว่า 13.55 ตันทำให้การถือครองทองคำเหลือเพียง 1,219 ตันในขณะนี้ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 20 เดือน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค - เชิงเทคนิคเริ่มเกิดสัญญาณการกลับตัวบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ชัดเจน จะเห็นการแกว่งอย่างมากในราย 30 นาที กราฟระยะสั้นแบบรายชั่วโมงเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น แต่ในกราฟระยะกลางและยาวยังเป็นขาลง โดยที่ MTS Gold คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,590 - 1,610 เหรียญ ซึ่งมีโอกาสแกว่งในทิศทางขาลงมากกว่าขึ้น จากข่าวของการเทขายของกองทุน SPDR ราคาทองคำของไทยยังคงถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง สำหรับเช้าวันนี้อยู่ที่ 29.52 บาทต่อ สรอ.ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทจะกดดันให้ราคาทองปรับตัวลดลงหรือจะมีผลกระทบกับทองคำประมาณ 75 บาทต่อบาททองคำ จากการแข็งค่าขึ้น 11 สตางค์
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
เก็งกำไรในกรอบแคบๆ เน้นในทิศทางขาลงมากกว่า เน้นขายทำกำไรบริเวณกรอบแนวต้านด้านบน แล้วค่อยซื้อเพื่อปิด
- นักลงทุนถือ Long Position
แนะนำให้ขายทำกำไรเพื่อปิดสถานะ Long Position
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำให้รอจังหวะที่ราคาย่อตัวแล้วซื้อปิดบริเวณ 1,600 เหรียญ หรืออาจจะหลุด 1,600 เหรียญในวันนี้ก็ได้
Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,450 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,630 บาท
Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,540 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,710 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง