‘สงคราม’ ก่อให้เกิด ‘ความรัก’ ของพวกเขาทั้งสองขึ้น และเพราะเหตุใด? ‘สงคราม’ จึงได้ทำลาย ‘ความรัก’ ของพวกเขาทั้งสองลง “คู่กรรม” นับเป็นภาพยนตร์ที่ มีฉากใหญ่ๆ ให้ได้ชมหลายฉาก แต่ละฉากเกิดขึ้นเพราะผู้กำกับคนนี้ ทำการบ้านตีโจทย์เน้นความสมจริง ดังนั้นสถานที่ถ่ายทำของ คู่กรรม จึงเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้กำกับให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ของงานสร้างเลยทีเดียว เพราะเป็นการบ่งบอกถึงบรรยากาศของบ้านเมืองในช่วงสงคราม ที่จะทำให้คนดูได้รู้สึกราวกับไปอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ก่อนที่ตัวละครจะช่วยส่งเสริมในเรื่องความรู้สึก และวันนี้ เรามีสกู๊ป ฉากระเบิดสะพานพุธ ที่ทำเอา โกโบริ-อังศุมาลิน ต้องลุยฝุ่นสุดมอมมาฝากกันเป็นพิเศษ กว่าจะมาเป็นฉากใหญ่สะพานพุทธอย่างที่ทุกคนได้ชม “ผกก.เรียว” และ ทีมงานได้ทำการบ้านนานนับเดือน ตั้งแต่ลงพื้นที่จริงสถานที่ถ่ายทำ ออกแบบดีไซน์ฉาก รวมทั้งเก็บรายละเอียดเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้ตรงตามยุคสมัยมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีการทำงานบนแบบจำลองย่อส่วนอย่างละเอียดของสะพานพุทธเพื่อกำหนดจุดตั้งกล้องถ่ายทำหลายจุดรอบด้าน เพราะด้วยเวลาถ่ายทำจริงที่จำกัดตั้งแต่ตี 5- 10โมงเช้า จะต้องถ่ายทั้งฉากระเบิด ฉากการสัญจรไปมาของผู้คนนับร้อย และ ยังมีฉากวิ่งหลบของคู่พระ-นาง อีกด้วย เรียกว่าเป็นงานหินไม่ใช่เล่น แต่ด้วยความที่ผู้กำกับ “เรียว” ได้ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับท่านมุ้ย- ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ในภาพยนตร์เรื่อง นเรศวร ทำให้ได้นำวิชาความรู้มาใช้ในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ วันถ่ายจริง “ผกก.เรียว” นัดทีมงาน และ ตัวประกอบหลายร้อยชีวิต ทยอยเข้าไปเตรียมความพร้อมบริเวณตีนสะพานพุทธตั้งแต่เที่ยงคืน ทำเอาบริเวณนั้นคึกคัก ขวักไขว่ ไปด้วยผู้คน ส่วนพระ-นาง“ณเดชน์” และ “ริชชี่” ตามมาติดๆ ทีมงานทุกฝ่ายต่างระดม ความสามารถและ กำลังในการทำงานแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่ ฉากแรกเริ่มเมื่อมีแสงรำไรเป็นฉากการสัญจรไปมาบนสะพาน ซึ่งมีทั้งรถโบราณ รถจักรยาน รถถีบสามล้อย้อนยุค และ ตัวประกอบนับร้อยคนที่เป็นทหารญี่ปุ่น พลเรือน เสร็จฉากนี้ทีมงานเข้าเคลียร์พื้นที่ด้วยความรวดเร็ว เพราะเป็นฉากสำคัญที่ “โกโบริ” จะต้องมาเจอ “อังศุมาลิน” กลางสะพาน แล้วระเบิดลงพอดี งานนี้ “ณเดชน์” รับศึกหนักต้องแบก “ริชชี่” วิ่งเป็นระยะทางหลายสิบเมตรอยู่หลายรอบกว่าจะได้ภาพตรงใจผู้กำกับ แต่ “ณเดชน์” ก็ยังมีแรงอึดออกปากแซวแซวน้องด้วยความเฮฮาว่า “ตัวหนักมาก”
และ ซีนสำคัญที่ทำให้นักแสดงทั้งคู่ ได้รับเสียงปรบมือจากทีมงานอย่างกึกก้องเป็นฉากสุดท้ายที่ทั้งคู่จะต้องอยู่ในเหตุการณ์ระเบิด ซึ่งการถ่ายทำฉากนี้ เป็นช่วงใกล้เวลาที่สะพานพุทธจะเปิดการจราจรตามปกติทุกฝ่ายจึงต้องทำงานแข่งกับเวลาเป็นเท่าตัว เมื่อผู้กำกับสั่งแอ็คชั่น “โกโบริ —อังศุมาลิน” ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็จูงมือวิ่ง ทีมเอฟเฟ็คต์ระเบิดรอพร้อม เมื่อทั้งคู่วิ่งเข้ามาในจุดที่กำหนด ทีมเอฟเฟ็กต์ก็จัดการกดระเบิด เสียงดังตูม ทำเอาทั้งคู่สำลักฝุ่นจริงๆ ด้วยสปิริต และ สมาธิทางการแสดงของทั้งคู่ก็ทำให้ได้ภาพออกมาสวยงามสมใจทุกฝ่าย ซึ่งผู้กำกับเปิดใจว่า “สะพานคือสัญลักษณ์ของการข้ามฝั่ง จึงเลือกให้สะพานมีแผลด้วยการทิ้งระเบิดลงและตอบโจทย์ได้ทั้งหมดของเรื่อง ซึ่งตามประวัติศาสตร์จริงสะพานพุทธก็ถูกระเบิดเช่นกัน โล่งใจที่การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยความราบรื่น ได้ภาพอย่างที่ต้องการทั้งหมด " “ริชชี่ บอกว่า " เป็นการทำงานที่หนักมากเลยค่ะ สงสารพี่ณเดชน์ ต้องแบก ริชชี่ ซึ่งหนักนะคะ ตอนที่เอ็ฟเฟ็คต์ระเบิดใส่ ฝุ่นเยอะมาก เข้าไปในปากในจมูกจนหายใจไม่ออกเลยค่ะ รู้สึกดีใจที่ไม่ได้ ทำตัวให้เป็นปัญหา กับกองเลย เพราะ กลัวมาก กับฉากใหญ่ๆแบบนี้ กลัวว่าต้องมาคัทเพราะเราอะไรแบบนี้ค่ะ " ทางด้าน ณเดชน์ เปิดเผยว่า " เหนื่อยมากครับในวันนี้ เป็นการทำงานที่ไม่เคยได้รับบทหนักแบบนี้มาก่อนเลย เพราะต้องแบกน้องริชชี่ (หัวเราะ) ได้เห็นการกำกับของพี่เรียว ในวันนี้แล้ว ทึ่งครับ ทีมงานใหญ่มาก และทำงานเร็วมาก ทราบว่าพี่เรียวเตรียมงานล่วงหน้ากันนานมาก ก็ขอฝากผลงานเรื่อง คู่กรรม ไว้กับทุกคนด้วยนะครับ "
สัมผัสความรักท่ามกลางสงคราม ที่จะทำให้เข้าใจคำว่า ‘รัก’ และ ‘อุปสรรค’ มากขึ้น กับการ เปิดตำนานรักข้ามเชื้อชาติครั้งใหม่ โดย กิตติกร เลียวศิริกุล 4 เมษายน 56 นี้ ทุกโรงภาพยนตร์