นักวิชาการร่วมรณรงค์การเลือกตั้งนายกเล็กเมืองอุบล

พุธ ๒๐ มีนาคม ๒๐๑๓ ๑๔:๕๔
นักวิชาการร่วมสื่อมวลชนวิเคราะห์นโยบายผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี มองเป็นมิติใหม่ปรับโฉมเมือง แต่ติงมองนโยบายพื้นฐานความสะอาด น้ำเสีย ความร่มรื่น ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญด้วย

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2556 ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สื่อสร้างสุขอุบลราชธานี โดยโครงการสะพาน จากการสนับสนุนของ USAID ร่วมกับนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการปกครองส่วนท้องถิ่นวิเคราะห์นโยบายผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดให้มีการลงคะแนนในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมศกนี้ มีนายกมล หอมกลิ่น เป็นผู้ดำเนินรายการและมีประชาชนในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ให้ความสนใจเข้ารับฟัง โดยผู้ดำเนินรายการระบุว่าตั้งใจเชิญผู้สมัครที่คาดได้รับเลือก 2 คน คือ ผู้สมัครหมายเลข 1

น.ส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ และผู้สมัครหมายเลข 2 นางรจนา กัลป์ตินันท์ มาชี้แจงนโยบายหาเสียงด้วยตนเอง แต่ผู้สมัครทั้ง 2 ไม่สะดวก

จึงเหลือแต่นักวิชาการ 2 คน คือ นายนพพร พันธ์เพ็ง นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน และนายสุเชาว์ มีหนองหว้า อาจารย์สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีจะมาวิเคราะห์นโยบายใช้หาเสียงของผู้สมัคร โดยก่อนเริ่มรายการมีการฉายวีทีอาร์นำเสนอนโยบายของผู้สมัครทั้ง 2 รายให้ประชาชนที่เข้าร่วมได้ชม

นายนพพร พันธ์เพ็ง นักวิชาการและสื่อมวลชนอิสระกล่าวถึงนโยบายหาเสียงผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ เป็นผู้สมัครหน้าใหม่และเสนอเรื่องแปลกใหม่ ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าของเมืองไปจากเดิม อาทิการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน รถรับส่งนักเรียน ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจพัฒนาชุมชนแต่ละแห่ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ศักยภาพของนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ทำได้ทันที เพราะใช้งบประมาณไม่มาก

แต่สำหรับข้อเสนอทำขนส่งมวลชนระบบราง โดยทำรถรางเชื่อมระหว่างเทศบาลเมืองวารินชำราบและเทศบาลนครอุบลราชธานี

นักวิชาการรายนี้บอกว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเทศบาลนครอุบลราชธานีมีงบประมาณและรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพียงปีละ 500 ล้านบาท โดย 60% เป็นงบใช้จ่ายประจำ จึงเหลือเพียงร้อยละ 40 ที่จะนำมาใช้พัฒนาแต่หากผู้สมัครคนนี้ มีคนหนุนหลังเข้มแข็ง ก็อาจทำได้

แต่ไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

"แต่สิ่งที่ทำได้ในระบบขนส่งมวลชนคือ ทำรถเมล์ประจำทางให้ครอบคลุมพื้นที่ และจัดให้รถออกตรงเวลา ก็จะช่วยแก้ปัญหาในการเดินทางของประชาชนลดการซื้อรถจักรยานยนต์มาวิ่งบนท้องถนน"

ส่วนนโยบายของผู้สมัครหมายเลข 2 นางรจนา กัลป์ตินันท์ อดีตนายก 2 สมัยซึ่งใช้สโลแกนขอสานงานเก่า ต่องานใหม่ จึงเป็นผู้สมัครที่มีผลงานทั้งการปรับโฉมหน้าตลาดใหญ่ การทำสวนสาธารณะห้วยวังนองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และเสนองานใหม่คือ การทำสะพานเชื่อมระหว่างเมืองวารินชำราบกับเทศบาลนครอุบลราชธานีอีกหลายจุด

การเสนอนโยบายและการหาเสียง จึงเป็นการแสดงผลงานเก่าไม่มีอะไรใหม่และการใช้คำว่า "เทศบาลนครไม่ใช่ที่ทดลองงาน" ก็สะท้อนกลับไปเมื่อ 8ปีก่อนที่คุณรจนาได้รับเลือกตั้งเข้ามา เพราะคนในเทศบาลนครอุบลราชธานีต้องการทดลองงานคนใหม่

"แต่การพัฒนาเมืองที่ผ่านมา คุณรจนาไม่ฟังเสียงชาวชุมชนเพราะคิดว่าทำก่อนแล้วจะไม่ได้รับการต่อต้าน จึงเป็นจุดอ่อนที่ไม่ให้ชุมชนร่วมตัดสินใจ"

นักวิชาการรายนี้ยังเสนอว่า สิ่งสำคัญในการพัฒนาเมืองคือต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เป็นเมืองสีเขียวมีความร่มรื่น เป็นเมืองสะอาด

เป็นเมืองแห่งความปลอดภัยในการจราจร และทรัพย์สิน" ใครทำได้ตามนี้จะเป็นนายกไปได้อีกนาน

ขณะที่นายสุเชาว์ มีหนองหว้า อาจารย์สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีกล่าวถึงการเลือกตั้งเทศบาลนครอุบลราชธานี ไม่ต่างจากการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เพราะมีพรรคการเมืองหนุนหลังผู้สมัครทั้ง 2 ฝ่ายจึงไม่ต้องสงสัยเรื่องใครเป็นนอมินีใคร

แต่ถ้ามองนโยบายหาเสียงของผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.สมปรารถนาเรื่องทำรถราง ขณะนี้ยังเป็นความฝัน เพราะถนนที่มีอยู่ไม่เพียงพอให้รถแล่นแต่การเสนอขยายพื้นที่รองรับการขยายตัวของโรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์หรือการทำทางยกระดับข้ามสี่แยกดงอู่ผึ้ง เป็นเรื่องดีที่คนมาเป็นผู้บริหารต้องคิด เหมือนการบริหารเมืองใหญ่ เช่นนครขอนแก่น นครอุดรธานีซึ่งปัจจุบันพัฒนาเมืองรุดหน้าไปไกลกว่านครอุบลราชธานีมาก

แต่สิ่งที่ผู้สมัครทั้งสองฝ่ายไม่นำเสนอเลยคือ การรับมือกับปัญหาขยะและน้ำเน่าเสีย เพราะอนาคตเมืองขยายตัวมาก จะมีปัญหาเรื่องความสะอาด ต้องเตรียมรับสถานการณ์ด้านนี้ไว้ก่อน รวมทั้งมองว่าการบริหารงานให้ประสบความสำเร็จ ผู้บริหารต้องประสานชุมชนไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเทศบาลกับชุมชนและคำนึงถึงเรื่องปากท้องของคนในชุมชน

นักวิชาการยอมรับว่าในส่วนของผู้สมัครหมายเลข 2 นางรจนา กัลป์ตินันท์อดีตนายก 2 สมัยมีผลงานให้เห็นมาก่อน แต่สำหรับผู้สมัครหน้าใหม่อย่างหมายเลข 1 น.ส.สมปรารถนา มีโครงการใหม่ๆน่าสนใจในการนำเสนอนโยบายหาเสียงมากกว่า

ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมรับฟังได้เสนอความเห็นต้องการให้ผู้บริหารคนใหม่รับฟังความเห็นจากชุมชนก่อนจะนำโครงการพัฒนาต่างๆเข้ามา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของชุมชน ให้แก้ปัญหาจราจรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็น จัดพื้นที่สีเขียวคืนความร่มรื่นตามถนนและชุมชนดูแลความสะอาดพื้นที่สาธารณะ และรักษาความปลอดภัยในชุมชนสำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานีมีผู้สมัครทั้งสิ้น 4 คน แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งเทศบาลนครอุบลราชธานี ตัดสิทธิไม่รับสมัครผู้สมัครหมายเลข 3 น.ส.นิธิยาภักค์ ภคพลนิธนชัย เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปีที่ผ่านมา ส่วนผู้สมัครหมายเลข 4 คือ น.ส.พิศทยา ไชยสงคราม ซึ่งไม่มีการหาเสียงใดใดทั้งสิ้น คาดจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการไม่เกิน 19.00 น. วันที่ 24 มีนาคมนี้ มีการถ่ายทอดสดการรายงานผลการเลือกตั้งฯโดยรวมใจสื่ออุบล ประกอบด้วยเคเบิ้ลทีวีทุกแห่งเวปไซต์และวิทยุชุมชน 12 แห่งในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๔๗ เอ. เจ. พลาสท์ คว้า 2 รางวัลใหญ่ จาก SET Awards 2024 และได้รับการประเมิน CGR ดีเลิศ ระดับ 5 ดาว
๑๖:๑๓ เปิดมาตรการ พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยเหลือ SMEs ถูกน้ำท่วมในงาน มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 เชียงใหม่
๑๖:๓๙ หน้าหนาวมาเยือน! กรมอนามัยเตือนดูแลสุขภาพให้พร้อม เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเสี่ยงเจ็บป่วยง่าย
๑๖:๕๗ เปิดรันเวย์อวดผลงานไอเดียสร้างสรรค์ของ 5 ผู้ชนะรางวัลทุนการศึกษา จากโครงการ Jaspal Group Scholarship Program
๑๖:๐๘ กิฟฟารีน แนะนำไอเทมเด็ด กิฟฟารีน เอช เอ็ม บี พลัส วิตามินดี 3 สำหรับช่วยดูแลมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
๑๕:๐๑ ไขข้อสงสัย สินเชื่อรถแลกเงินคืออะไร
๑๕:๓๘ ซื้อมอเตอร์ไซค์ ออกรถใหม่ มีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง
๑๕:๐๕ ยางขอบ 17 ยี่ห้อไหนดีที่ขับขี่สนุก และยังคงนุ่มสบาย
๑๔:๕๖ heygoody คว้าแชมป์จากเวที Thailand Influencer Awards 2024 ตอกย้ำความเข้าใจลูกค้า Introvert
๑๔:๐๓ เมืองไทยประกันชีวิต คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากล ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และเป็นองค์กรสถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ