วันนี้ (21 มีนาคม 2556) ณ ห้องพลังไทย อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร่วมเป็นประธานในพิธีแถลงความร่วมมือ “ปตท. — ขสมก. ใช้น้ำมันไบโอดีเซล B7 ในรถประจำทาง” เพื่อช่วยเหลือภาคเกษตรกรรมของไทย ลดปัญหาน้ำมันปาล์มล้นตลาด และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในประเทศไทย
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท. กล่าวถึงความร่วมมือในการสนับสนุนการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B7 ในรถประจำทางของ ขสมก. ในครั้งนี้ว่า ปตท. ให้ความสำคัญกับ การพัฒนาพลังงานทดแทนที่ผลิตจากพืชผลการเกษตรในประเทศ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการพัฒนาพลังงานแห่งอนาคต พร้อมสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมไทย ควบคู่ไปกับการรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อปี 2534 ปตท. เปิดตัวน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำเป็นรายแรกของประเทศ ก่อนพัฒนาโครงการนำร่องน้ำมันไบโอดีเซล B2 , B5 และพัฒนาน้ำมันไบโอดีเซล B5 สูตรใหม่ในปี 2547, 2548 และ 2551ตามลำดับ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยพัฒนาการผลิตพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
น้ำมันไบโอดีเซล B7 คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล 7% โดยปริมาตร และสารเติมแต่งคุณภาพสูงที่ช่วยชะล้างทำความสะอาดหัวฉีด ลดฟอง ป้องกันการเกิดสนิม อีกทั้ง ยังมีคุณสมบัติการหล่อลื่นที่ดี เผาไหม้สะอาด ลดมลพิษไอเสีย ทั้งนี้ ปตท. จะสนับสนุนน้ำมัน B7 ให้ ขสมก. พร้อมถังน้ำมัน 20,000 ลิตรพร้อมตู้จ่ายน้ำมัน นอกจากนี้ ปตท. ยังสนับสนุนส่วนต่างของราคาน้ำมันในส่วนที่เกินจาก B5 ที่องค์การใช้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ คุณสมบัติของ B7 นี้ ได้รับความเห็นชอบลักษณะและคุณภาพจากกรมธุรกิจพลังงานเรียบร้อยแล้ว
นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ขสมก. ยินดีให้ความร่วมมือในการทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซล B7 กับรถโดยสารของ ขสมก. โดยจัดรถโดยสารทดลองใช้น้ำมัน B7 จำนวน 10 คัน ในความรับผิดชอบของเขตการเดินรถที่ 2 อู่สวนสยาม เดินรถในเส้นทางสาย 525 วิ่งระหว่าง สวนสยาม — หมู่บ้านเทียนทอง 3 (เขตหนองจอก) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2556 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการใช้วันละ 1,500 ลิตร หรือประมาณ 45,000 ลิตรต่อเดือน ถือเป็นความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานเพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ขสมก. ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นขนส่งมวลชนที่ยั่งยืนบริการตามมาตรฐานสากล ประชาชนสามารถเข้าถึงการให้บริการ ประสานเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งมวลชน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นับเป็นอีกความร่วมมือของสองหน่วยงานยักษ์ใหญ่ในวงการพลังงานและภาคคมนาคมขนส่งที่ร่วมกันดูแลเกษตรกรไทย ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในการ ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าน้ำมัน และช่วยลดภาวะโลกร้อน เพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมไทย