- ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ธนาคารระหว่างประเทศรายเดียวที่เปิดทำการครบ 10 ประเทศในอาเซียน พร้อมรับการขยายตัวทางธุรกิจในภูมิภาค
นางลิน ค็อก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการปี 2555 ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นที่น่าพอใจด้วยผลกำไร 3,254 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องโดยสูงกว่าผลกำไรในปี 2554 (2,981 ล้านบาท) ร้อยละ 9 โดยสายงานบุคคลธนกิจนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และสถาบันธนกิจสนับสนุนลูกค้าในการระดมทุนและขยายธุรกิจในต่างประเทศ
“แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีแรงปะทะทั้งจากวิกฤตการเงินโลกที่ยังคงมีผลกระทบ และจากเศรษฐกิจในประเทศเอง ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ยังคงสร้างผลกำไรหลังหักภาษีสูงสุดเป็นประวัติการณ์เท่ากับ 3,254ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2554 ร้อยละ 9 สอดคล้องกับการแถลงผลประกอบการของกลุ่มสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่มีผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 10 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 คิดเป็นรายได้ 1 หมื่น 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีผลกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 คิดเป็นกำไร 6 พัน 9 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี 25 ตลาดเติบโตเป็นเลขสองหลัก และมี 26 ตลาดที่มีรายได้สูงกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งประเทศไทย โดยกลุ่มสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังคงมีงบดุลที่แข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องสูงด้วยเงินฝากและเงินทุนที่เข้มแข็ง” นางลินกล่าว
สำหรับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ยังคงรักษาอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AAA ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยที่ให้โดยฟิตช์เรตติ้งนอกจากนี้ ยังได้รับการปรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวเป็น A- จาก BBB+ เนื่องจากฟิตช์เล็งเห็นว่าธนาคารฯ มีความสำคัญทางกลยุทธ์ต่อบริษัทแม่
บุคคลธนกิจ
“การให้ความสำคัญต่อลูกค้า และพัฒนาโซลูชั่นทางการเงินยังเป็นกลยุทธ์หลักของสายงานบุคคลธนกิจในการรักษาความสัมพันธ์และสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโต” นางลินกล่าว
การให้ความสำคัญกับลูกค้าทำให้ธนาคารฯ มีตัววัดผลการปฏิบัติงานด้านลูกค้า (Net Promoter Score) สูงถึง 76 เป็นคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับภาคการธนาคาร ในปี 2555 ธนาคารได้ปรับโฉมสาขาถึง 24 แห่ง และปรับปรุงการให้บริการที่สาขาให้มีความถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาระบบคิวอัจฉริยะ การประกันให้ลูกค้ารอรับการบริการที่สาขาไม่เกิน 8 นาที และการเปิดบัญชีโดยใช้เพียงบัตรประชาชนแบบสมาร์ทคาร์ดเพียงใบเดียว นอกจากนี้ธนาคารยังปรับบริการแบบดิจิตัลให้สอดคล้องกับการใช้สมาร์ทโฟน และแท็บเบล็ตพีซีที่ขยายตัวสูงขึ้น โดยปรับปรุงระบบออนไลน์แบงกิ้ง โมบายล์แบงกิ้ง และเอสเอ็มเอสแบงกิ้งเพื่อให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ธุรกิจบัตรเครดิตของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคึกคักมากยิ่งขึ้นในปีที่ผ่านมาเพราะแคมเปญ ‘15% แคชแบ็ค’ ซึ่งเป็นแคมเปญคืนเงินให้กับลูกค้าเมื่อใช้บัตรที่ร้านอาหารและโรงแรมทั่วโลก นับเป็นแคมเปญที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงสุดในตลาด และในปี 2555 ยังเป็นปีที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อรวมกับโปรแกรมเงินกู้ส่วนบุคคลแล้วทำให้สายงานบุคคลธนกิจปิดงบดุลในรอบปีด้วยตัวเลขที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
‘ซิมพลิซิตี้’ แคมเปญสำหรับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี เป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา เนื่องจากนำเสนอแพ็คเกจทางการเงินที่ครอบคลุมความต้องการของเอสเอ็มอีไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ การบริหารเงินสด และเงินทุนหมุนเวียนเพื่อธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ล้วนผลักดันให้ผลการดำเนินงานของสายงานบุคคลธนกิจสำเร็จเป็นที่น่าพอใจและเป็นการเริ่มต้นการดำเนินงานที่ดีสำหรับปี 2556
สถาบันธนกิจ
สายงานสถาบันธนกิจยังคงสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศของลูกค้าสถาบันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้จะยิ่งทวีความสำคัญสำหรับธนาคารฯ เมื่อการรวมตัวกันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เพราะทุกบริษัทล้วนต้องการได้รับบริการทางการเงินแบบไร้รอยต่อ
“บริการธุรกรรมทางการเงินจะยังคงเป็นกลยุทธ์หลักที่ช่วยตอบโจทย์ในด้านการบริหารเงินสดระหว่างประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราได้ดำเนินข้อตกลงขนาดใหญ่กับลูกค้าเป็นจำนวนหลายรายยิ่งขึ้น” นางลินกล่าวต่อ ผลงานเด่นสำหรับสายงานสถาบันธนกิจได้แก่ สัญญาธุรกรรมบริหารเงินสดของบริษัท พีทีที โพลี-เมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ธนาคารฯ จะช่วยบริหารเงินสดของสาขาบริษัทในอินโดนีเซีย และดูไบ นอกจากนี้ยังระดมทุนจากต่างประเทศแก่ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทยอีกด้วย ในปี 2555 ธนาคารฯ ยังสนับสนุนทางการเงินผ่านกิจกรรมตราสารหนี้แก่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในการซื้อกิจการเฟรเซอร์แอนด์นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) ซึ่งนับเป็นการลงทุนในต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ส่งผลให้ธนาคารก้าวขึ้นสู่อันดับ 3 ในตารางผู้ดำเนินกิจกรรมด้านตราสารหนี้ในประเทศไทย และได้รับรางวัลตราสารหนี้ดีเด่น และสัญญาธุรกรรมดีเด่นแห่งปีจาก ดิ แอสเซ็ท เอเชียน อวอร์ด
ทิศทางธุรกิจปี 2556
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นปีที่ 119 แล้ว หากแต่กลยุทธ์หลักยังคงเป็นเช่นเดิม กล่าวคือการมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่สร้างสรรค์ และส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทต่างๆ ผ่านเครือข่ายที่เข้มแข็งของธนาคาร
ในปีนี้ ธีมหลักในการดำเนินงานจะยังคงเป็นเรื่องของอาเซียน เนื่องจากทั่วโลกจะยังคงมองหาเขตการค้าใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาเศรษฐกิจในโลกตะวันตกเช่นยุโรป และสหรัฐอเมริกา
เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ได้ให้ใบอนุญาตในการเปิดทำการสาขาตัวแทนแก่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในกรุงย่างกุ้ง ทำให้เป็นธนาคารระหว่างประเทศเพียงรายเดียวที่เปิดทำการครบทุกตลาดในอาเซียน และสำหรับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมด้านการลงทุนแก่บริษัทไทย หรือบริษัทที่มีฐานการดำเนินงานในไทยที่มองหาโอกาสทางธุรกิจในเมียนมาร์
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เทคโนโลยีและระบบดิจิตัลมีความก้าวหน้าและส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค มีการคาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าความเปลี่ยนแปลงจะยิ่งรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเนื่องจากโทรศัพท์มือถือจะกลายเป็นช่องทางสำคัญในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ธนาคารฯ มองเทคโนโลยีดิจิตัลเป็นโอกาสที่จะทำให้ธนาคารฯ สามารถเข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่ๆ และในปี 2556 นี้ ธนาคารฯ จะให้ความสำคัญในการศึกษาถึงความต้องการของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีดิจิตัล และนำเสนอบริการที่สร้างความแตกต่างเพื่อให้ธนาคารฯ ยังคงเป็นคู่คิดทางธุรกิจของทั้งลูกค้าบุคคล ลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้าบริษัท
“นับว่าปี 2556 จะเป็นอีกปีที่น่าท้าทาย สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจะยังคงดำเนินตามกลยุทธ์โดยจะลงทุนในธุรกิจและมีการจ้างงานมากขึ้น แน่นอนที่สุดว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในตลาดต่างๆ อย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยีจะเปลี่ยนวิธีการทำงานและวิธีในการแข่งขันของเรา กฎระเบียบต่างๆ จะทำให้เราต้องเปลี่ยนรูปแบบในการดำเนินงานบ้าง แต่เราจะยังคงยึดมั่นดำเนินการตามกลยุทธ์ ยึดมั่นในค่านิยมของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และปรับเปลี่ยนเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน ดิฉันเชื่อมั่นว่าเราจะยังคงประสบความสำเร็จในปี 2556 เนื่องจากเราเริ่มต้นปีใหม่ได้ดี และจะส่งผลต่อการดำเนินงานตลอดทั้งปี เรามีงบดุลที่แข็งแกร่ง และเราพร้อมเสมอสำหรับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น” นางลินสรุป