“ยุทธพงศ์” ร่วมคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่ายางพาราไทยเยือนมาเลเซีย ดูงานโครงการ Rubber City

ศุกร์ ๒๒ มีนาคม ๒๐๑๓ ๑๓:๕๘
“ยุทธพงศ์” ร่วมคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่ายางพาราไทยเยือนมาเลเซีย ดูงานโครงการ Rubber City ตามแนวตะเข็บชายแดน ชี้สองประเทศให้ความสนใจร่วมกัน หากเร่งเดินหน้าจะส่งผลดีต่อการค้าและการลงทุน

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่ายางพาราไทย กล่าวว่า จากการเยือนประเทศมาเลเซียของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ในอุตสาหกรรมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ระหว่างไทย - มาเลเซีย และเพื่อผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเมื่อวันที่ 19 - 20 มีนาคม 2556 ตนพร้อมคณะอนุกรรมการฯ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย รวมทั้งผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน บีโอไอ ผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการฯ ที่โรงแรมเจบีหรรษา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมศึกษาดูงานที่ด่านบ้านประกอบ และดูพื้นที่ที่เมืองโกตาปูตรา รัฐเคด้า ประเทศมาเลเซีย ที่ทางประเทศมาเลเซียได้เชิญชวนประเทศไทยให้มาทำเมืองรับเบอร์ ซิตี้

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากปริมาณยางพาราที่มีการส่งออกผ่านทางด่านสะเดา จ.สงขลา ในปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 41,000 ล้าน โดยเป็นน้ำยางข้นมูลค่า 31,000 ล้าน หรือปริมาณร้อยละ 75 ของยางที่ส่งออกมายังประเทศมาเลเซีย ซึ่งถ้ามีเมืองรับเบอร์ ซิตี้ แทนที่ประเทศไทยจะส่งออกมาในรูปของวัตถุดิบ ก็เปลี่ยนมาเป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำของยางพารา จะทำให้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศมากกว่า ทั้งนี้ การดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาหาปริมาณพื้นที่และพื้นที่ที่เหมาะสม อาจจะเป็นบริเวณด่านบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา หรือ นิคมอุตสาหกรรมฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่วนในเรื่องของกรรมสิทธิ์พื้นที่ ต้องดูว่าจะเอาพื้นที่ไหน ใครเป็นเจ้าของพื้นที่ และใครเป็นผู้ลงทุน รวมทั้งเรื่องของการคมนาคมและระบบโลจิสต์ติก ซึ่งการเดินทางไปมาเลเซียในครั้งนี้ เป็นเพียงการหารือและสำรวจพื้นที่เบื้องต้น

“รัฐบาลมาเลเซียและรัฐบาลไทยมีความสนใจในการพัฒนาความร่วมมือโครงการรับเบอร์ ซิตี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าขายยางพาราและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และในปี 2558 ประเทศไทยจะต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพการส่งออกยางพาราให้มีความแข็งแกร่งทางด้านการผลิต การแปรรูปและการตลาด ซึ่งเป็นที่ทราบดีกว่าปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบยางพารารายสำคัญให้กับประเทศมาเลเซีย หากไทยกับมาเลเซียหันมาจับมือกันหรือลงทุนร่วมกัน ก็ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมยางของทั้งสองประเทศมีความเข้มแข็งในทุกด้านมากยิ่งขึ้น” นายยุทธพงศ์ กล่าว

ด้าน นายกฤต ไกรจิตติ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย ได้ให้ความเห็นว่า การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยร่วมกับการพัฒนาพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศมาเลเซีย ซึ่งโครงการรับเบอร์ ซิตี้ ที่ทางมาเลเซียได้ให้ทางไทยเข้ามาสนับสนุนร่วมกัน ในการที่จะพัฒนาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยร่วมกันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยางพาราที่สำคัญของโลก ซึ่งความคืบหน้าของโครงการฯดังกล่าว ขณะนี้ทางมาเลเซียได้กำหนดไว้อยู่ในแผนการพัฒนาของทางภาคเหนือ ส่วนของไทยกำลังดูความเหมาะสมของพื้นที่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO