นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการสัมมนา เรื่อง “โอกาสและผลกระทบของการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อภาคอุตสาหกรรมประมง” ณ โรงแรมรามาการ์เด้นท์ ว่า การเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการประมงซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ การเตรียมความพร้อมให้แก่ภาคอุตสาหกรรมประมงจึงเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อให้ภาคเอกชนสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น และได้ใช้สิทธิประโยชน์แห่งการเป็นประชาคมอาเซียนอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งนี้ การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นการเปิดเสรีด้านการค้า จึงควรศึกษาความเป็นไปได้ ในการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบหรือสร้างพันธมิตรทางการค้าเพื่อแก้ปัญหาด้านแรงงาน รวมทั้งการใช้สิทธิประโยชน์พิเศษทางด้านภาษี หรือ GSP ของสมาชิกบางประเทศที่ยังได้รับสิทธิจากประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญ และควรศึกษาความต้องการของผู้บริโภคและตลาดในประเทศสมาชิก เพื่อผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการ
นายนิวัติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายหลักที่จะดูแลภาคการผลิตสินค้าเกษตรและประมงของประเทศให้มีความเข้มแข็ง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทาน จึงกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีการดำเนินมาตรการทั้งเชิงรับและเชิงรุก ซึ่งมาตรฐานเชิงรับ ได้แก่ การเพิ่มศักยภาพด่านนำเข้าและหน่วยงานควบคุมตรวจสอบกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัยพืช หรือ SPS เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ในส่วนมาตรการเชิงรุก ได้แก่ การวิเคราะห์ความเสี่ยงสินค้านำเข้าและส่งออก การจัดทำระบบติดตามเฝ้าระวัง การเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการผลิต การศึกษาวิจัยด้านคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และการเตรียมจัดทำข้อตกลงยอมรับความเท่าเทียมระบบตรวจสอบร่วมกัน
“การจัดสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการของไทยได้รับทราบนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับการเตรียมการภาคอุตสาหกรรมประมงของประเทศไทยเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อรับการเปลี่ยนแปลง และสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของไทยและปรับปรุงจุดอ่อน จากแนวทางอันเป็นประโยชน์ของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรอบรู้และมีประสบการณ์” นายนิวัติกล่าว