ทั้งนี้ เมอร์เมด (ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ภายใต้สัญลักษณ์ MMT) เป็นบริษัทในเครือของ TTA ที่ทำธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งแก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพิ่งประกาศแผนการระดมเงินทุนประมาณ 176.1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (หรือประมาณ 140.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยจะนำเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และบุคคลเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจและสร้างโอกาสในการลงทุน โดยแผนการใช้เงินหลักๆ คาดว่าจะเป็นการวางเงินมัดจำสั่งซื้อเรือขุดเจาะลำใหม่สองลำ และคืนเงินกู้ต่างๆ
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองประธานกรรมการบริหารของ TTA และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมอร์เมด กล่าวว่า “มีการคาดการณ์กันว่า ปริมาณค่าใช้จ่ายสำหรับการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันทั่วโลกในปี 2556 นี้จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 645 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางจะเป็นสองตลาดที่มีการเติบโตเร็วที่สุด โดยจะเพิ่มขึ้นถึงปีละ 10% และเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดอื่นๆ ถึงเกือบสองเท่า ในขณะนี้เอง เมอร์เมดก็ได้รับการยอมรับจากคู่ค้าในสองภูมิภาคนี้ ทั้งในด้านความสามารถ ความสัมพันธ์ และประวัติในการให้บริการที่ดีแล้ว ดังนั้นการที่จะทำให้เมอร์เมดเติบโตต่อไปในอนาคตได้ เราจำเป็นต้องเพิ่มบุคลากรที่มีความสามารถและมีสินทรัพย์ที่เหมาะสมเพียงพอ สำหรับไขว่คว้าโอกาสในช่วงที่ตลาดกำลังบูมได้อย่างเต็มที่”
ในช่วงสองไตรมาสล่าสุด เมอร์เมด และบริษัทในเครือสามารถคว้าสัญญาที่มีมูลค่าสูงจากตะวันออกกลางและเอเชียได้หลายรายการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สัญญาระยะเวลา 5 ปีให้บริการสำรวจ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาอุปกรณ์ สัญญาระยะเวลา 5 ปีในการให้บริการซ่อมแซมอุปกรณ์สำหรับงานนอกชายฝั่งแบบครบวงจร ตลอดจนสัญญาระยะสั้นอื่นๆ เช่น สัญญาให้บริการก่อสร้างใต้ทะเลเป็นระยะเวลา 6 เดือน สัญญาจ้างเรือสนับสนุนการทำงานเป็นเวลา 5 เดือน และสัญญาระยะสั้นอื่นๆ โดยสัญญาเหล่านี้ก่อให้เกิดรายได้สูงกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐแก่เมอร์เมดในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง หรือ AOD ซึ่งเมอร์เมดถือหุ้นอยู่ 33.76% ก็ยังสามารถล็อคสัญญายาว 3 ปีที่มีรายได้รวมกันสูงเกือบ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับเรือขุดเจาะแบบสามขาคุณสมบัติสูงทั้ง 3 ลำ เพื่อไปทำงานให้กับบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบีย หรือ Saudi Aramco ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TTA กล่าวสรุป “มติของคณะกรรมการฯ เป็นไปตามที่เราได้เคยแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ในเรื่องของแผนการใช้เงินเพิ่มทุนว่า เราจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนของเมอร์เมด เพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจในช่วงที่ตลาดกำลังอยู่ในระหว่างขาขึ้น ในขณะเดียวกัน เรายังคงมองหาโอกาสในการสั่งต่อเรือใหม่และสั่งซื้อเรือมือสองสำหรับขยายกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองของเรา ซึ่งคาดว่า ธุรกิจชิปปิ้งจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงปีหน้า”
เกี่ยวกับ TTA
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจอย่างสมดุลและหลากหลาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจขนส่ง กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ TTA ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน (บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria)