ฮัวเซน กรุ๊ป ผู้ผลิตเหล็กแผ่นและท่อเหล็กชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม มีพนักงานมากกว่า 3,000 คน ประกาศเปิดสายการผลิตเหล็กแผ่นชุบเคลือบด้วยสังกะสีหรือเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์แห่งที่ 4 มูลค่าประมาณ 11 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างเป็นทางการ
ณ โรงงานผลิตเหล็กแผ่นฮัวเซน ฟู มี (Hoa Sen Phu My Steel Sheet Facility) เมืองวุงตาว ประเทศเวียดนามทั้งนี้ สายการผลิตเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์แห่งใหม่ดังกล่าวจะมีกำลังการผลิตปีละ 120,000 ตัน
โดยการติดตั้งสายการผลิตแห่งใหม่ดังกล่าวได้แล้วเสร็จตรงตามกำหนดเวลาและตามงบที่ตั้งไว้ และด้วยประสบการณ์จากการบริหารสายการผลิตเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ทั้งสามสายที่มีอยู่เดิมจนประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สายการผลิตแห่งใหม่นี้สามารถผลิตสินค้าตัวแรกด้วยคุณภาพสูงสุดออกสู่ตลาดในวันที่ 15 มีนาคม 2556 โดยใช้เวลาเพียงแค่ 9 เดือนหลังจากการติดตั้งเท่านั้น การเปิดสายการผลิตแห่งใหม่นี้ จะทำให้ฮัวเซน กรุ๊ปมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเวียดนาม และในประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ฮัวเซน กรุ๊ปเริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่น ท่อเหล็ก และท่อพลาสติกไปยัง 26 ประเทศทั่วโลกตั้งแต่ปี 2551 และมียอดส่งออกผลิตภัณฑ์ทุกชนิดดังกล่าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 180,000 ตันในปี 2555
ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของฮัวเซน กรุ๊ปที่นำออกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในเวียดนามและประเทศต่างๆ ได้รับการรับรองว่า มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานสากลหลากหลายประเภท ได้แก่ มาตรฐาน ASTM A792/A792M แห่งสหรัฐอเมริกา มาตรฐาน AS1397 (G550) — AS1365 (G300) แห่งออสเตรเลีย มาตรฐานคุณภาพเหล็กแผ่นกัลวาลุม JIS G3321 แห่งประเทศญี่ปุ่น มาตรฐานคุณภาพเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ JIS G3302 แห่งประเทศญี่ปุ่น มาตรฐาน JIS G3344:2004 (ประเทศญี่ปุ่น) มาตรฐาน JIS G3466:2006 (ประเทศญี่ปุ่น) มาตรฐาน ASTM A53/A53M-07 (อเมริกา) มาตรฐานคุณภาพท่อเหล็กและท่อเหล็กเหลี่ยม ASTM A500/A 500M-07 (อเมริกา) มาตรฐาน BS 3505:1968/BS EN 1452— 2:2009 (อังกฤษ) มาตรฐาน AS/NZS 1477:2006 (ออสเตรเลีย) มาตรฐานคุณภาพท่อพลาสติก TCVN 6151 — 2:2002 (เวียดนาม)
สำหรับสายการผลิตเหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ใหม่ดังกล่าว จะมีการว่าจ้างงานกว่า 200 ตำแหน่ง ทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำเพื่อทำการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ (galvanized steel sheet) และผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นกัลวาลุม (galvalume steel sheets)
การเปิดสายการผลิตแห่งใหม่ดังกล่าว ทำให้ฮัวเซน กรุ๊ปมีกำลังการผลิตเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งตอกย้ำว่า ฮัวเซน กรุ๊ปมีความเชื่อมั่นและเล็งเห็นถึงลู่ทางการทำธุรกิจอันสดใสในระยะยาวทั้งในประเทศเวียดนามและประเทศของพันธมิตรคู่ค้า อาทิ ไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มีการพัฒนาและเติบโตรุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้ ในพิธีเปิดสายการผลิตใหม่ดังกล่าว ฮัวเซน กรุ๊ป ยังได้ลงนามในข้อตกลงออกใบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้ากับบริษัท อัศว เม็ททอล (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมทั้งลงนามในบันทึกความเข้าใจ ร่วมลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กแผ่นในประเทศไทยร่วมกับบริษัท อัศว เม็ททอล (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท บี.เค. เม็ททอลชีท จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของฮัวเซน กรุ๊ปในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ฮัวเซน กรุ๊ปคาดว่า จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นและท่อเหล็กหลากหลายประเภทที่เพิ่มขึ้นของตลาดไทยได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ
ในปี 2555 ที่ผ่านมา ฮัวเซน กรุ๊ป มียอดขายรวมทั้งสิ้น 453,252 ตัน มีรายได้ 480 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรสุทธิ 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับในปี 2556 ฮัวเซน กรุ๊ป คาดว่าจะมียอดขายสูงถึง 541,800 ตัน มีรายได้ 524 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรสุทธิ 19 ล้านเหรียญสหรัฐ
เกี่ยวกับฮัวเซน กรุ๊ป
ฮัวเซน กรุ๊ป เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 มีปณิธานมุ่งพัฒนาธุรกิจของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่กับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมในราคาที่สามารถซื้อหาได้ให้แก่ตลาดเวียดนามและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮัวเซน กรุ๊ปมีบริษัท
ในเครือรวมทั้งสิ้น 3 แห่ง มีโรงงาน 2 แห่ง มีสำนักงานตัวแทน 1 แห่ง และมีสาขากว่า 100 แห่งทั่วประเทศเวียดนาม ฮัวเซน กรุ๊ปเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กและพลาสติก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นกัลวาลุม ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์ ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นกัลวาไนซ์แบบเคลือบสี ผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กและท่อเหล็กเหลี่ยม ผลิตภัณฑ์ท่อพลาสติก และอุปกรณ์เสริม นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเป็นต้นมา ฮัวเซน กรุ๊ปมุ่งพัฒนาการดำเนินงานของบริษัทใน 5 ด้าน ดังนี้
- สร้างห่วงโซ่คุณค่าอย่างครบวงจรเพื่อช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิต
- สร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าและค้าปลีกกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ เพื่อควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดส่งสินค้าจนถึงมือผู้ใช้
- สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง มีความเป็นมิตร และคำนึงถึงประโยชน์ของชุมชนเป็นสำคัญ เพื่อให้เป็นที่จดจำในใจของผู้บริโภคตลอดไป
- เป็นองค์กรที่มีหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส
- เป็นผู้บุกเบิกลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย และมีการบริหารจัดการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัดและตรงตามมาตรฐานสากล
ด้วยหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนดังกล่าว ทำให้ฮัวเซน กรุ๊ปสามารถรักษาตำแหน่งผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภัณฑ์เหล็กแผ่นชั้นนำอันดับ 1 ของเวียดนามไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยมีส่วนแบ่งในตลาดถึงร้อยละ 41 ในปี 2555 (ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมเหล็กแห่งเวียดนาม ณ เดือนมกราคม 2556) และขึ้นแท่นผู้ส่งออกชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ฮัวเซน กรุ๊ปยังติดอันดับหนึ่งใน 500 บริษัทขนาดใหญ่สุดของเวียดนามติดต่อกัน 6 ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2550 — 2555 ทั้งยังได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดแบรนด์ชั้นนำที่แข็งแกร่งของเวียดนาม และสามารถพิชิตรางวัล Vietnam Value ในปี 2555
อีกด้วย ในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ฮัวเซน กรุ๊ปได้รับเลือกให้รับรางวัล CSR Award 2012 ในฐานะที่มีส่วนช่วยพัฒนาชุมชนในหลากหลายด้าน
การลงนามในข้อตกลงอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้ากับบริษัท อัศว เม็ททอล (ไทยแลนด์) จำกัด การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวนับเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จครั้งใหม่ระหว่างฮัวเซน กรุ๊ปและอัศว เม็ททอล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นภายใต้แบรนด์ฮัวเซนให้เป็นที่รู้จักและครองใจลูกค้าคนไทยอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ขั้นแรกของฮัวเซนในการสร้างแบรนด์ของฮัวเซนให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก
การลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับบริษัท อัศว เม็ททอล (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท บี.เค. เม็ททอลชีท จำกัด เพื่อร่วมลงทุนสร้างโรงงานผลิตเหล็กแผ่นในประเทศไทยด้วยความเชี่ยวชาญด้านการใช้เครื่องมือเครื่องจักรอันล้ำสมัย การบริหารคุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาตรฐานสากล และระบบการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพของฮัวเซน กรุ๊ป ผนวกกับความรู้ความเข้าใจในตลาดไทยอย่างลึกซึ้ง และการมีเครือข่ายสาขาค้าปลีกทั่วประเทศอย่างกว้างขวางของทั้งสองบริษัทพันธมิตรชั้นนำจากไทย จะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมคุณภาพของฮัวเซนเข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยด้วยราคาที่เหมาะสม และส่งเสริมแบรนด์ฮัวเซนให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น