สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futuresภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา09.00 น.

ศุกร์ ๐๕ เมษายน ๒๐๑๓ ๑๐:๑๔
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,543 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,544 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.34 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 21,450 บาท กับ 21,550บาท และกลับมาปิดที่ 21,450 บาท กับ 21,550 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 4,781คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 10,618 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 2 % แบบ 10 บาท ลดลง3% GFJ13 ปิด 21,550 บาท และ GFM13 ปิด 21,560 บาท GF10J13 ปิดที่ 21,640 บาท GF10M13 ปิดที่ 21,650 บาท

สัญญา Comex ปิดลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,552.4 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา Silver ลดลง 3.0 เซ็นต์ ปิดที่ 26.767 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,206.22 ตัน (เท่าเดิม ) น้ำมัน NYMEX ลดลง 1.19 เซ็นต์ ปิดที่ 93.26 ดอลลาร์/ออนซ์ ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 5.69 จุด ปิดที่ 14,606.11 จุด

ข่าวที่สำคัญ

เมื่อวานนี้ทองคำปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วันทำการ โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความหวังที่ว่าการคงระดับอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีนั้นล้มเหลวในการยับยั้งการเทขายอย่างหนักของกลุ่มกองทุนทองคำต่างๆ

สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปรับตัวลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,552.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นอกจากนี้ข้อมูลจากสำนักข่าว Reuters ยังแสดงให้เห็นว่าในตลาด COMEX มีปริมาณการซื้อขายเบาบางที่ระดับประมาณ 5% ซึ่งต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน

ในขณะที่เมื่อวานนี้ราคาทองคำตลาดลอนดอนปิดตลาดที่ระดับ 1,546.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

การปรับตัวลดลงของทองคำแสดงให้เห็นว่า กลุ่มนักลงทุนทำการเทขายทองคำอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันทำการแล้ว เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น

อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้สัญญาทองคำก็ไม่ได้ปิดตัวลบมากนัก เนื่องจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์ หลังบีโอเจจะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกต่อ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% และแก้ปัญหาเงินฝืดในประเทศ

ในเชิงเทคนิคจะเห็นได้ว่า กราฟระยะยาวของราคาทองคำ กำลังจะทดสอบแนวรับที่ระดับประมาณ 1,525 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Reuters กล่าวเตือนว่าหากว่าราคาได้หลุดต่ำกว่าระดับดังกล่าวอาจทำให้เกิดการลงลึกอย่างรุนแรงได้

กองทุนทองคำขนาดใหญ่อย่าง ETFs ลดการถือครองทองคำแตะระดับ 38.9 ล้านออนซ์ นับเป็นระดับต่ำสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือนสิงหาคมในปี 2012 และแม้ว่าเมื่อวานนี้ SPDR ยังคงไม่ได้ทำอะไร โดยถือครองทองคำที่ระดับเดิม 1,206.22 ตัน แต่ปริมาณการถือครองทองคำที่ลดลงในสัปดาห์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้ราคาทองคำลดต่ำลง

ตลาดทองคำขนาดใหญ่ไม่ขานรับต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ให้สัญญาว่าจะทำการอัดฉีดจำนวนเงินประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ปี และข่าวที่อีซีบีให้คำมั่นว่า “จะทำทุกทาง” หากเกิดกรณีจำเป็นใดๆ

นายอามาริ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า บีโอเจมีมติว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลทุกประเภท พร้อมกับขยายโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุไถ่ถอนไม่ถึง 3 ปี เป็น 7 ปี และบีโอเจ จะทำการเข้าซื้อกองทุน ETF ด้วยวงเงิน 1 ล้านล้านเยนต่อปี พร้อมกันนี้จะระงับหลักการธนบัตร (Banknote Principle) สำหรับธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบด้วย

สกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากรายงานเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 28,000 ราย แตะระดับ 385,000 ราย ซึ่งเป็นผลตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะออกมาลดลงที่ระดับ 350,000 ราย ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะซบเซา

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2937 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 1.2846 ดอลลาร์ เนื่องจากค่าเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากการที่อีซีบีมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยคงเดิม 0.75% เป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

นอกจากนี้ มาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัวลง 0.5% ในปีนี้ แต่ในปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.2-2.2%

แม้ว่าตลาดการเงินจะยังวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในไซปรัส แต่ล่าสุดไอเอ็มเอฟ วางแผนที่จะเสนอเงินกู้สำหรับ 3 ปี เป็นจำนวน 1.34 พันล้านดอลลาร์ให้ไซปรัส เพื่อช่วยให้ไซปรัสสะดวกในการระดมทุนและการชำระนี้ แต่มีข้อแม้ว่าไซปรัสจะต้องดำเนินตามนโยบายเพื่อฟื้นความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถเข้าถึงการระดมทุนในตลาดทุนได้อีกครั้ง

เมื่อวานนี้ สเปนสามารถประมูลขายพันธบัตรขายพันธบัตรได้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4.31 พันล้านยูโร (5.53 พันล้านดอลลาร์) ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตในไซปรัส ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสเปน

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ในวันศุกร์นี้นักลงทุนจับตาไปที่ข้อมูลการจ้างงานภาคการเกษตรของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นตัวส่งสัญญาณต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งการประกาศตัวเลขดังกล่าวอาจทำให้ทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้ เนื่องจากผลที่ออกมาอาจสร้างความผ่อนคลายเพิ่มขึ้นต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศและอาจทำให้เฟดหยุด QE ลงภายในปีนี้

นอกจากนี้โฮวาร์ด เว็น ยังกล่าวว่า “หากตัว Nonfarm-Payroll ในคืนนี้ผลออกมามีการจ้างงานมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงต่อได้”

อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลข Non-farm employment change ในวันนี้ ผลจะออกมาลดลงประมาณ 38,000 ตำแหน่งมาที่ 198,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าระดับเดิม 236,000 ตำแหน่ง และนักวิเคราะห์มองว่า Unemployment Rate จะออกมาทรงตัวเท่าเดิมที่ระดับ 7.7%

เมื่อวานนี้ การแถลงการณ์ของเบน เบอนันเก้ ประธานเฟดก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจแก่กลุ่มตลาดนัก โดยเขาพูดถึงภาพรวมของสภาพตลาดและการยกระดับความรู้ด้านการเงินแก่ชาวสหรัฐ เพื่อให้สามารถนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวดีขึ้นร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม เดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า แสดงความเห็นว่า เขาไม่มั่นใจต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐจะแข็งแกร่งขึ้นได้ในปี 2013

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน

- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 357 K ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 385 K

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้

- Non-Farm Employment Change ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 236 K ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 198K

- Trade Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -44.4 B ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -44.8 B

- Unemployment Rate ตัวลเขเดิมอยู่ที่ระดับ 7.7 % ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 7.7 %

วิเคราะห์ทางเทคนิค

Gold — ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาลงต่อเนื่องจากเมื่อวานปรับตัวลดลงไปต่ำสุดประมาณ 1,542 เหรียญ และมีแรงซื้อกลับในตลาดเอเชีย ราคาเริ่มทรงตัวได้บริเวณ 1,550 เหรียญ จากกการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกาออกมาไม่ดี โดยตัวเลขUnemployment Claims ที่ออกมาเพิ่มขึ้น 28,000 ตำแหน่ง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 1,556 เหรียญ แต่ก็มีแรงเทขายกลับมาปิดที่บริเวณ 1,550 เหรียญเช่นเดิม ด้าน SPDR ไม่ได้ทำอะไรยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 1,206.22 ตัน ในขณะที่ BOJ ยังคงประกาศที่จะอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นแต่ไม่มีผลต่อราคาทองคำ โดยค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นมากว่า 80 Pip มาอยู่ที่ระดับ 1.2935 ดอลลาร์/ยูโร วันนี้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับ 29.30 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 29.27 บาท/ดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค — ราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,540 เหรียญ ซึ่งถ้าหลุดลงไปมีโอกาสเห็นราคาที่ 1,500 เหรียญ ราคาทองคำจะมีแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,565 เหรียญ ยังแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ในทิศทางขาลงในการทำกำไรและไม่แนะนำที่จะให้ถือครองทองคำใน Position Long มากนัก ให้เก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ยังเป็นการทำ Short เมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้นและซื้อเพื่อปิด Short เท่านั้น คาดว่าราคาจะอยู่ในกรอบ 1,540-1,555 เหรียญ

- นักลงทุนถือ Long Position

แนะนำให้หาจังหวะในการปิดสถานะ Long บริเวณ 1,555 ขึ้นไป

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ทำการซื้อปิดทำกำไรเป็นช่วงๆ

Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,670 บาท

Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,620 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,800 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ