ม.เทคโนโลยีมหานคร พัฒนาเตาอบยางประสิทธิภาพสูง ประหยัดเวลาและต้นทุนต่ำ พร้อมนำองค์ความรู้ขยายสู่ภาคตะวันออกและอีสาน

พุธ ๑๐ เมษายน ๒๐๑๓ ๑๔:๕๗
ม.เทคโนโลยีมหานคร พร้อมเดินหน้าพัฒนาเตาอบยางจากภาคใต้ สู่ภาคตะวันออกและภาคอีสาน ยืนยันงานวิจัยสามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาการอบยางลดระยะเวลาการอบยางจากเดิมใช้เวลา 4 วันเหลือเพียง 2 วัน และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 40% ทำให้เกษตรกรมีผลผลิตและรายได้เพิ่ม ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ‘รศ.ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์’ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ยืนยันจะพัฒนาประสิทธิภาพเตาอบยางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืนต่อไป

การผลิตยางแผ่นรมควันในประเทศไทยประสบปัญหาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอบแห้งของแผ่นยางที่ไม่สม่ำเสมอ ความร้อนที่เข้าสู่ห้องอบยางไม่กระจายตัวทำให้เกิดความร้อนเป็นจุดๆ ทำให้ยางแผ่นรมควันที่ได้มีคุณภาพต่ำ ความเสี่ยงของการเกิดไฟไหม้ห้องอบรมควัน รวมถึงระยะเวลาในการอบยางที่ค่อนข้างนานในแต่ละรอบ ทำให้สูญเสียทั้งเวลาและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจำนวนมากเป็นผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบการอย่างมาก

รศ.ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เปิดเผยถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยต่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเตาอบยางแผ่นรมควันใน“โครงการเพิ่มศักยภาพการแปรรูปน้ำยางพาราแบบลดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อม”ว่า โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (พัทลุง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช),โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในการพัฒนาเตาอบยางมีโจทย์ที่จะต้องดำเนินการแก้ไข อันดับแรกคือโรงอบยาง เพราะที่ผ่านมาประสบปัญหาเรื่องไฟไหม้ เรื่องที่สองคือคุณภาพของแผ่นยางที่ผ่านการอบไม่ได้คุณภาพ มีปริมาณยางที่เสียหายหลังผ่านการอบจำนวนมากในลักษณะของยางเกิดการพองตัว ไม่สุกหรือแห้ง สีไม่สม่ำเสมอ และสุดท้ายคือเรื่องของพลังงาน ซึ่งเป็นปัญหาหลัก เพราะที่ผ่านมาโรงอบยางจะต้องใช้ไม้เป็นเชื้อเพลิงปีละประมาณ 6-7แสนบาทต่อปี ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงเห็นว่าจะต้องเข้ามาดำเนินการหาวิธีแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรชาวสวนยางในประเด็นเหล่านี้ให้สำเร็จ

“ในการดำเนินงานนั้น หลังจากที่ได้รับรู้ถึงปัญหาการอบยางของเกษตรกรแล้ว มหาวิทยาลัยได้รับการประสานจากโครงการ iTAP และสำนักงานอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมอบหมายให้ รศ.ดร.ฐานิตย์ เมธิยานนท์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและการถ่ายเทความร้อน เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ เข้าไปทำการเก็บข้อมูล ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่แท้จริง รวมถึงการวางแนวทางในการแก้ปัญหา เช่น การเกิดไฟไหม้เตาอบยางเกิดจากสาเหตุใด และพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้เกิดการสูญเสียไปในทางใดบ้าง ซึ่งเมื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งสองด้านนี้แล้วคุณภาพของยางที่ผ่านการอบจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง”

การส่งเสริมการพัฒนาเตาอบยางนั้น อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ยืนยันว่า พร้อมที่จะสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเตาอบยางต่อไป เพื่อให้ได้เตาอบยางที่มีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันการพัฒนาเตาอบยาง ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะพื้นที่ในเขตจังหวัดภาคใต้เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้ขยายผลการศึกษาการพัฒนาเตาอบยางประสิทธิภาพสูงจากการดำเนินการในภาคใต้จำนวน 32 เตา ออกไปยังภาคตะวันออกและภาคอีสาน ซึ่งมีพื้นที่การเพาะปลูกยางพารามากเช่นกัน

รศ.ดร.สุเจตน์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มีความภูมิใจที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเตาอบยางซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้ประโยชน์มากขึ้น เพราะเดิมการอบยางจะต้องใช้เวลา 4 วัน บางแห่งมีเตาอบเพียง 3-4 ห้อง ต้องหมุนเวียนการอบยาง ดังนั้น หากน้ำยางมีมากเกินไป เกษตรกรต้องนำน้ำยางที่เหลือไปขายเป็นน้ำยางดิบจะได้ราคาต่ำ เพราะถูกหักเรื่องความชื้นหรือเปอร์เซ็นต์ยาง แต่หลังจากได้มีการพัฒนาเตาอบยางแล้วพบว่าสามารถลดระยะการอบให้เหลือเพียง 2 วันครึ่ง ทำให้รอบของการอบยางสั้นลง เกษตรกรสามารถเพิ่มกำลังการผลิตหรือการอบยางได้มากกว่าเดิม ลดปริมาณการขายน้ำยางดิบลงและยังประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 40% ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงต้องพัฒนาเตาอบยางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรชาวสวนยางในแบบยั่งยืนตลอดไป

“ตั้งแต่ปี 2552-2553 เราสร้างเตาอบยางต้นแบบขึ้นมา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาเตาอบยางรุ่นต่อๆ มาให้ดียิ่งๆ ขึ้น โครงการนี้เป็นเจตนารมณ์ของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ต้องการช่วยเหลือชาวเกษตรกรให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และพิสูจน์ให้เห็นว่างานวิจัยไม่ได้เป็นเพียงรูปธรรม แต่สามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริงอย่างเต็มที่ และสิ่งที่เราสนใจมากก็คือเรื่องของการพัฒนาที่เป็นรูปแบบที่ยั่งยืน”

รศ.ดร.ฐานิตย์ เมธิยานนท์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องของพลังงานและการถ่ายเทความร้อน กล่าวว่าจุดเด่นของเทคโนโลยี เตาอบรมควันยางพาราแบบประหยัดพลังงานมีลักษณะเด่น 3 ประการคือ 1. เป็นเตาอบที่เวียนอากาศภายในห้องอบกลับมาใช้ใหม่ได้หลังการอบแห้งผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งทำให้ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง 2. มีความปลอดภัยในการใช้งานโดยมีการติดตั้งชุดดักสะเก็ดไฟที่อาจหลุดลอยเข้าสู่ห้องอบซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ และ 3. มีการติดตั้งชุดวัดอุณหภูมิของลมร้อนที่เข้าห้องอบเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถควบคุมอุณหภูมิลมร้อนไม่ให้สูงเกินไป ทำให้มั่นใจได้ว่าอุณหภูมิในห้องอบสม่ำเสมอและไม่สูงเกินไป จนเป็นผลเสียต่อคุณภาพยางงแผ่น

ปัจจุบันได้มีการขยายผล โดยการนำเตาอบยางแผ่นรมควันแบบประหยัดพลังงาน ไปติดตั้งให้กับกลุ่มเกษตรกรสวนยาง กลุ่มสัจจะ พัฒนายาง บ้านท้ายวัง จ.ตราด จำนวน 2 เตา ดังนี้

เตาที่ 1 เป็นเตาอบรมควันยางพาราที่ใช้เตาผลิตความร้อน 1 ลูก ใช้งานกับห้องอบรมควันแบบสหกรณ์กองทุนสวนยาง (สกย.) ปี พ.ศ. 2538 จำนวน 2 ห้อง บรรจุยางแผ่นคิดเป็นน้ำหนักยางแห้งประมาณ 7 ตัน ผลจากการทดสอบประสิทธิภาพพบว่า ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 30 คิดเป็นมูลค่า 69,000 บาทต่อเตาต่อปี (คำนวณจากราคาไม้ฟืน 0.8 บาทต่อกิโลกรัม) สามารถผลิตยางแผ่นรมควันได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 (จากเดิม 49 ตันยางแห้งต่อเดือน เป็น 70 ตันยางแห้งต่อเดือน) ลดระยะเวลาในการอบยางแผ่นลงร้อยละ 20 (จากเดิม 4 วัน 3 คืน เป็น 3 วัน 2 คืน) ที่สำคัญยางแผ่นที่ได้มีคุณภาพดีขึ้น มีสีเหลืองสม่ำเสมอ ไม่มีรอยดำไหม้เกิดขึ้น

เตาที่ 2 เป็นเตาที่ทางกลุ่มสัจจะ พัฒนายาง บ้านท้ายวัง ใช้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับนักวิจัย ซึ่งได้ก่อสร้างเตาอบรมควันจำนวน 1 ลูก และติดตั้งใช้ระบบท่อลมในโรงอบยางแผ่นรมควัน จำนวน 2 ห้อง โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงของเตาจากทรงกระบอกมาเป็นทรงสี่เหลี่ยมซึ่งทำให้ใส่ฟืนได้สะดวกขึ้น ผลการทดลองพบว่าเตาอบรมควันนี้ใช้งานได้ดีและเป็นที่น่าพอใจ สามารถผลิตยางแผ่นรมควันได้จำนวนเพิ่มขึ้น โดยยางที่ผ่านการอบมีคุณภาพดี ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาทต่อปี และก่อให้เกิดการลงทุนเพิ่ม 1.8 ล้านบาท ปัจจุบันเตาอบรมควันนี้ได้มีการขยายผลโดยนำไปใช้ในกลุ่มสัจจะ พัฒนายาง บ้านเขาหมาก จ.ตราด

แล้วเช่นกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version