นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า โดยภาพรวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2556 เส้นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) น่าจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ และมีแนวโน้มในการปรับตัวในทิศทางที่ชันขึ้น ซึ่งปัจจัยทางเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยที่มีนัยและคงแนะนำให้ผู้ลงทุนติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศไทยและเศรษฐกิจต่างประเทศ เนื่องจาก ประเมินว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลของแต่ละประเทศมีส่วนช่วยสนับสนุนในเรื่องสภาพคล่องในตลาด อาทิ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.0 — 0.25 % ต่อไป และคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการรับซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลล่าร์ต่อไปทุกเดือน จนกว่าตัวเลขอัตราการว่างงานลดลงจนถึงร้อยละ 6.5 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 7.7 ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่น เริ่มมีการคาดหวังการขยายตัวที่เพิ่มขึ้น จากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศมาตรการผ่อนคลายครั้งใหม่ โดยใช้นโยบายเชิงรุกกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้นสู่เป้าหมายที่ร้อยละ 2 ภายใน 2 ปี โดยนโยบายการเงินหลักที่สำคัญคือการพิจารณาลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงิน เช่น Exchange Traded Funds (ETFs) และ Real Estate Investment Trust (REITs) นอกเหนือจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในตลาด และส่งผลต่อราคาของอสังหาริมทรัพย์ได้ หรือแม้แต่ เศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลยังคงใช้มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งปีนี้ คาดการณ์ว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงมาจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ และภาวะการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงไม่เป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย คาดว่ายังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 0.5 ถึง 3.0
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ช่วงนี้ ยังคงแนะนำให้ลงทุนในระยะ 3-6 เดือน เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนของเส้นอัตราผลตอบแทน โดยในวันที่ 18 เมษายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 5 (ASP-TFIXED5) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากธนาคารต่างประเทศ และตั๋วแลกเงินในประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.00%* ต่อปี*” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
*ตัวอย่างพอร์ตการลงทุนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 5 (ASP-TFIXED5)
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111 / สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์
มุกพิม จุลพงศธร (มุก) / ธันย์ชนก อนุศาสตร์ (ปัด) โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 หรือ 3321
อีเมล์: [email protected] / [email protected]