ผู้อำนวยการยาสูบ ยังเปิดเผยอีกว่า ทางโรงงานยาสูบ ในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง นอกจากภารกิจหารายได้นำส่งเข้ารัฐแล้ว ยังได้มีการเตรียมความพร้อมตามกรอบเออีซี โดยได้รายงานให้ทางกระทรวงการคลังทราบว่า ได้เริ่มมีการตั้งคณะกรรมการกำหนดกรอบการเข้าสู่เขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เบื้องต้น ได้เน้นความร่วมมือใน 4 ประเทศหลัก ได้แก่ เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม เพื่อให้เกิดความร่วมมือในหลายมิติ ภายใต้กรอบที่เน้นเสมอว่า ไม่ได้เป็นการให้เกิดการสูบบุหรี่เพิ่ม แต่จะเพิ่มทางด้านการแข่งขันกับบุหรี่ต่างชาติ เพื่อไม่ให้อัตราการเติบโตของบุหรี่ต่างชาติ มีช่องว่างห่างมากเกินไป
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการยาสูบ ได้เผยว่า ในวันนี้โรงงานยาสูบ เตรียมแผนความพร้อมสำหรับ 5 ปีข้างหน้า โดยแบ่งเป็นแผนระยะสั้น ที่ต้องเตรียมผลิตภัณฑ์สำหรับการแข่งขันกับบุหรี่ต่างชาติ ที่ได้เปรียบอย่างมากในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยหวังชะลอไม่ให้ยอดขายบุหรี่ต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะ 25 ปีทีผ่านมา บุหรี่ต่างประเทศโตขึ้นทุกปีๆละ 25 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่บุหรี่ไทยมีอัตราการเติบโตลดลงปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ทุกปี ส่วนระยะกลาง คือ การเตรียมพร้อมเรื่องการขยายโรงงานแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และตั้งโรงงานในพื้นที่ภาคเหนือ ทั้งนี้หากทั้งสองแห่งแล้วเสร็จ จะแบ่งกำลังการผลิตที่โรจนะร้อยละ 60 ที่ภาคเหนือร้อยละ 40 ส่วนแผนระยะยาวนั้น คาดว่าจะแสวงหาความร่วมมือในกลุ่มชาติสมาชิกอาเซียน เพื่อเพิ่มการแข่งขันกับบุหรี่ต่างประเทศ และยังลดต้นทุนการผลิตไปในตัวอีกด้วย