นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 ได้มีอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 2555 ให้กับผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นอีกในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท ซึ่งบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน55) ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท รวมจ่ายเงินปันผลงวดปี 2555 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2556
ทั้งนี้จากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ในปัจจุบันความต้องการหดตัวลงอย่างชัดเจน และส่งผลกระทบกับความต้องการสินค้าดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บริษัทได้วางแผนเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวโดยเข้าลงทุนใน บริษัท เอฟ.ดี.เอ็ม เทคโนโลยี จำกัด (FDM) เพื่อรองรับงานด้านอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมทั้งปรับแผนการตลาดใหม่ ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มยานยนต์มากขึ้น รวมถึงเจาะฐานลูกค้าต่างประเทศซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่อย่างจริงจัง โดยเชื่อว่าการตอบรับของกลุ่มลูกค้าผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
"ในที่ผ่านมา HTECH ได้ขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มากขึ้น ทำให้คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทยังคงเน้นผลิตสินค้าในกลุ่ม CBN Cutting Tools ซึ่งใช้กันมากในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ผลิต CBN Cutting Tools เพียง 2 รายเท่านั้น และหวังเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาว"นายพีทกล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ น่าจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยคาดว่ารายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15-20 จากปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตรากำไรสุทธิบริษัทจะพยายามรักษาให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ดังนั้น ขอให้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่าจะร่วมกันผลักดันธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดและเพิ่มรายได้ให้กับทั้งกลุ่มอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งปีนี้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกคาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 27 ในประเทศประมาณร้อยละ 73 ขณะที่สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากกลุ่ม HDD ร้อยละ 72 และกลุ่ม NON-HDD ร้อยละ 28