ผลงานที่จะจัดแสดงในงานนี้เป็นครั้งแรกของ ศ. ปรีชา เถาทอง ได้แก่ ภาพต้นแบบของงานชุด “แสงสุวรรณภูมิ” ในเมืองไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย 7 ภาพ ที่วาดด้วยสีอะครีลิคบนกระดาษ เป็นบันทึกความทรงจำจากแสงธรรมชาติ ณ สถานที่จริง ก่อนที่จะนำมาสร้างสรรค์เป็นภาพจิตรกรรมบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ ด้วยแนวคิดในการแสดงแสงเงาที่พาดผ่านศาสนสถานหรือโบราณสถานต่างๆ ที่สำคัญ จากแรงบันดาลใจเกี่ยวกับความเชื่อทางพุทธศาสนา และวิถีชีวิตตามวัฒนธรรมของชุมชน ในสุวรรณภูมิ กับผลงานล่าสุด คือ “แสงสุวรรณภูมิ” (วัดไชยวัฒนาราม) 3 ภาพใน 1 ชุด ที่ใช้เทคนิคภาพพิมพ์ซิลค์สกรีนผสมผสานกับภาพพิมพ์โลหะ บนกระดาษ ซึ่งความยิ่งใหญ่ของภาพชุดนี้คือการเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบของการสร้างสรรค์งานศิลปะครั้งสำคัญ สู่ความเป็น Land Art Environment อย่างแท้จริงในโอกาสต่อไป ด้วยการวาดภาพโดยสร้างฉากเพื่อควบคุมบรรยากาศแสงและเงาบนสถานที่จริง พร้อมดนตรีประกอบ และจะเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมการทำงาน ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื่นใจจากความสงบและความศักดิ์สิทธิ์ น่าเลื่อมใส เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นอัครศิลปิน และทรงมีคุณูปการในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติตลอดมา
ไฮไลท์ในส่วนของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คือ ผลงาน ภาพพิมพ์แกะไม้ (Woodcut) ที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยความประณีตบรรจง โดยใช้เวลากว่า 3 ปี และยังไม่เคยจัดแสดงมาก่อนเลย แต่ได้คัดสรรมานำเสนอในนิทรรศการนี้เป็นครั้งแรก 12 ภาพ จาก 34 ภาพอันวิจิตรงดงาม อาทิ ภาพ พระโพธิสัตว์, พระพิฆเนศ, พลังอำนาจ เมตตา, พลังมังกร และ ปลาทอง เป็นต้น
“งานชุดนี้ทำยากและท้าทายมาก เพราะมีรายละเอียดต่างๆ มากมายในการแกะไม้แต่ละชิ้นเพื่อทำเป็นภาพพิมพ์ที่ถอดแบบจากภาพวาดซึ่งละเอียดมาก จัดว่าเป็นสุดยอดเทคนิคภาพพิมพ์ที่ใช้เวลาเป็นเดือนๆ สำหรับแต่ละภาพ เป็นงานที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์” อ.เฉลิมชัย กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีผลงานใหม่ที่จะนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ได้แก่ งานประติมากรรมต้นแบบ 2 ชิ้น อันเป็นเอกลักษณ์ของ อ. เฉลิมชัย ที่มุ่งสร้างสรรค์ให้เป็นศิลปะในสมัยรัชกาลปัจจุบัน โดยไม่มีกลิ่นอายของ ยุคสมัยอื่น เป็นพระพุทธรูปสีขาว และพระพิฆเนศ ที่ยิ่งใหญ่ด้วยความวิจิตรตระการตา พร้อมทั้งภาพจิตรกรรมสีอะครีลิค 2 ภาพที่เป็นผลงานล่าสุดในปี 2556 นี้ คือภาพ “ครุฑยุดนาค” และ “สรวงสวรรค์” ซึ่งเป็นงานในสไตล์ใหม่ที่ฉีกแนวไปจากภาพวาดอื่นๆ
นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่จะได้เห็นผลงานศิลปกรรมของ อ. เฉลิมชัย อย่างครบถ้วนทุกประเภท ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ที่ยังไม่เคยจัดแสดงมาก่อนให้ชื่นชมอย่างเต็มอิ่ม รวมถึงหนังสือเกี่ยวกับภาพพิมพ์และงานพุทธศิลป์ 3 แบบที่จะนำเสนอในนิทรรศการครั้งนี้ด้วย
ในส่วนของ อ. ปัญญา วิจินธนสาร จะจัดแสดงภาพจิตรกรรมชิ้นล่าสุด คือภาพ “การไตร่ตรอง” ขนาดใหญ่ 2.50 x 3.40 เมตร เทคนิคสีอะครีลิคและสีน้ำมันบนผ้าใบ สร้างสรรค์โดยใช้เวลาปีกว่า พร้อมทั้งงานประติมากรรมลอยตัว “แดนนิพพาน” ที่ใช้เทคนิคใหม่คือแก้วผสมผสานกับโลหะ ซึ่งเป็นรูปแบบที่แตกต่างจากงานประติมากรรมทั่วไป โดยงานแก้วนั้นมีความยากในการทำงานอยู่แล้ว เมื่อผสมกับโลหะยิ่งยากขึ้นอีก สำหรับผลงานที่เป็นภาพพิมพ์นั้น มีทั้งภาพพิมพ์หิน “บันไดทอง” และภาพพิมพ์โลหะ “Rebirth” (กำเนิดภพ) ซึ่งยังไม่เคยมีการจัดแสดงมาก่อน
อ. ปัญญา ให้รายละเอียดว่า “ความโดดเด่นของงานที่นำเสนอในนิทรรศการครั้งนี้ คือความหลากหลายในการใช้เทคนิคและวัสดุต่างๆ ผสมผสานกันในการทำงาน โดยไม่ได้จำกัดอยู่กับการเขียนภาพบนผ้าใบเท่านั้น ความสำคัญของการจัดแสดงผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ คือวิวัฒนาการของศิลปินในระยะเวลา 10 ปี ที่เริ่มจากงานจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ไปสู่ศิลปะไทยร่วมสมัย ตลอดจนรูปแบบที่ขยายไปสู่งานประติมากรรม และการใช้วัสดุผสมในการทำงานต่างๆ ซึ่งงานแต่ละชิ้นแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่มีเนื้อหาแนวคิดที่ต่อเนื่องกัน ส่วนการแสดงงานที่ผ่านๆ มานั้นจัดว่าเป็นงานชุดเดียวกันที่ใช้เวลาการทำงานในช่วงระยะไม่นานนัก”
นิทรรศการ “สามศิลปิน สร้างศิลป์ ธ.ก.ส. ต่อชีวิตเกษตรไทย” จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ชื่นชมงานศิลปะทุกท่านไม่ควรพลาด เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 23 เมษายน — 5 พฤษภาคม ศกนี้ เวลา 10.00 — 20.00 น. ที่ห้องโถงนิทรรศการชั้น 2 ธ.ก.ส. อาคารสำนักงานใหญ่ บางเขน ถนนพหลโยธิน ภายในงานยังเปิดรับฝากเงินสลากออมทรัพย์ทวีสินของ ธ.ก.ส. ชุด “ข้าวทิพย์” โดยศิลปินทั้ง 3 ท่านจะผลัดเปลี่ยนกันมาเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกทุกวัน ตลอดระยะเวลาการจัดนิทรรศการด้วย