1. เรื่อง ผลการดำเนินงานด้านการขนส่ง ประจำเดือนมีนาคม 2556
คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบผลการดำเนินงานด้านการขนส่งประจำเดือน มีนาคม 2556 ยังคงปรับตัวสูงขึ้น โดยมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 1.79 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เป็น 2.0 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมของปี 2555 ร้อยละ 13.6มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger — Kilometer : RPK) และปริมาณการผลิต
ด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.8 และ 8.2 ตามลำดับ ส่งผลให้มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) รวมทั้งระบบเฉลี่ยร้อยละ 80.3 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ยร้อยละ 78.4 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในเส้นทางภูมิภาคจากร้อยละ 76.3 เป็นร้อยละ 81.9 และเส้นทางบินในประเทศจากร้อยละ 77.8
เป็นร้อยละ 79.2 สำหรับหน่วยธุรกิจการบินไทยสมายล์มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 83.3 โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) ร้อยละ 86.8 และเที่ยวบินภายในประเทศมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) ร้อยละ 82.1
สำหรับการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ถึงแม้ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวแต่ปริมาณการขนส่งสินค้า (Revenue Freight Ton-Kilometers : RFTK) รวมสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.4 เนื่องจากในเดือนมีนาคม 2556 มีการขนส่งสินค้าโดยเครื่องบินขนส่งสินค้า (Freighter).ส่งผลให้ปริมาณการผลิต (Available.Dead.Load
Ton-Kilometers : ADTK) รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 โดยมีอัตราส่วนการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) รวมเฉลี่ยร้อยละ 55.2 ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.7
สำหรับผลการดำเนินงานเดือนมกราคม — มีนาคม 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555บริษัทฯ มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 79.8 โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 5.5 และมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue.Passenger.-.Kilometer.:.RPK).สูงกว่าปีก่อน ร้อยละ 7.7 อย่างไรก็ตาม
ในส่วนผลการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ บริษัทฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำกว่าปีก่อน ร้อยละ 1.2 ในขณะที่มีปริมาณการผลิตพัสดุภัณฑ์สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 5.2 ส่งผลให้มีอัตราส่วนการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ยร้อยละ 51.1 ต่ำกว่าปีก่อน ร้อยละ 6.1
2. เรื่อง การประกาศผลการทบทวนการจัดอันดับเครดิตบริษัทฯ ประจำปี 2555
คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบว่าทริสเรทติ้งได้ประกาศแจ้งผลการคงอันดับเครดิตบริษัทฯ ประจำปี 2555 และ หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทฯ ที่ ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “คงที่” หรือ “Stable” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศในเส้นทางการบินของประเทศไทย และประโยชน์จากการเป็นสมาชิก Star Alliance ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับคงที่ แม้จะต้องมีการลงทุนที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวอาจถูกลดลงจากปัจจัยความเสี่ยงหลายประการอาทิ การมีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูง ความเสี่ยงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่กระทบต่อธุรกิจสายการบิน เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความไม่สงบทางการเมือง รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากสายการบินทั่วไปและสายการบินต้นทุนต่ำการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงสถานะที่มั่นคงของบริษัทฯ จากการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่บริษัทฯ เป็นรัฐวิสาหกิจและฐานะสายการบินแห่งชาติ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 51 ธนาคารออมสินซึ่งเป็นธนาคารของรัฐบาลไทยเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 2.1 และบริษัทฯ ยังมีกองทุนวายุภักษ์ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 15.5โดยกองทุนวายุภักษ์นั้น จัดเป็นผู้ลงทุนภาคเอกชน แต่ได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น อันดับเครดิตจะได้รับการปรับลดลง หากรัฐบาลลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 50
3. เรื่อง ความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการจัดตั้งสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์เป็นบริษัทย่อย
คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบความคืบหน้าเรื่องโครงการลงทุนจัดตั้งสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์เป็นบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเสนอเรื่องต่อปลัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ เมื่อกระทรวงคมนาคมเห็นชอบตามที่บริษัทฯ เสนอ กระทรวงคมนาคมจะส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาบรรจุในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป