นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้เป็นประธานการประชุมรับทราบแนวทางการตรวจสอบไม้พะยูงของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว โดยมี ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ และ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ สาขา ทั้ง 23 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม โดยนายรัชฎา กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี ให้มีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นประธานกรรมการฯ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2555 เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการนำไม้มีค่าที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน โดยเฉพาะไม้พะยูงและไม้มีค่าอย่างอื่นที่ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว และอยู่ในความครอบครองดูแลของส่วนราชการหลายหน่วยงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน เช่น การสร้าง ปรับปรุง พิพิธภัณฑ์ สิ่งประดิษฐ์ หรืออื่นๆ ที่ควรค่าแก่แผ่นดินนั้น
กรมป่าไม้ได้ตรวจสอบข้อมูลตามรายงานของสำนักจัดการฯ ที่เกี่ยวข้องกับไม้พะยูงของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว เห็นว่าไม้พะยูงของกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบบางส่วนเสื่อมสภาพไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งขนาดและจำนวนไม่ตรงกับฐานข้อมูลกลางของกรมป่าไม้จำนวน 20,771 ท่อน/แผ่น/เหลี่ยม หรือปริมาตร 1,730.38 ลบ.ม. เพื่อให้ทราบข้อมูลที่ชัดเจนทั้งขนาด จำนวน ปริมาตร ที่จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตลอดจนประมาณการค่าใช้จ่ายในการขนย้ายไม้ของกลาง จึงขอให้สำนักจัดการฯ เร่งดำเนินการสำรวจข้อมูลที่ชัดเจนให้แล้วเสร็จและรายงานกลับมาที่กรมป่าไม้ ภายในวันที่ 26 พ.ค. เพื่อเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในวันที่ 30 พ.ค.ต่อไป
นายรัชฎา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กรมป่าไม้มีไม้พะยูงและไม้มีค่าของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว เก็บรักษากระจายอยู่ใน 492 หน่วยป้องกันรักษาป่าทั่วประเทศ ซึ่งจะให้สำนักจัดการฯ รวบรวมไม้พะยูงของกลางที่คดีสิ้นสุดแล้วและมีสภาพสมบูรณ์ขนย้ายออกมากองรวมกันในบริเวณที่แต่ละสำนักจัดการฯ จัดหาไว้ โดยคาดว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีของกลางมากที่สุด จะมีจุดรวบรวมไม้พะยูงหลายจุด ส่วนภาคเหนือและภาคใต้อาจจะมีเพียงไม่กี่จุดเพราะจำนวนของกลางมีไม่มาก ซึ่งเบื้องต้นในเรื่องการขนย้ายไม้ออกจากหน่วยนั้นกรมป่าไม้จะเป็นฝ่ายดำเนินการ ส่วนการขนย้ายไม้จากจุดรวบรวมของกรมป่าไม้นั้นหน่วยงานทหารอาจจะเข้ามารับผิดชอบดำเนินการต่อ โดยทหารจะเป็นฝ่ายขนย้ายไม้จากสำนักจัดการฯ มายังโรงเลื่อยขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแปรรูปก่อนจะส่งไปยังพื้นที่ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ต่อไป อย่างไรก็ตามในเรื่องการขนย้ายนี้ต้องหารือกับทางฝ่ายทหารและสำนักงบประมาณให้ชัดเจนอีกครั้ง โดยต้องเร่งดำเนินการให้ทันในปีงบประมาณ 2557